จินตนา ขุนโหร

พยาบาลวิชาชีพ ที่ปรึกษาธุรกิจออนไลน์ (Marketing Online Coaching) นักเขียนอิสระ นักพูด สร้างแรงบันดาลใจ

Customer Lifetime Value

Customer Lifetime Value (CLV) สู่ความสำเร็จของผลกำไรในระยะยาว

Customer Lifetime Value (CLV) สู่ความสำเร็จของผลกำไรในระยะยาว

Customer Lifetime Value

ในโลกของธุรกิจ ไม่ใช่แค่การหาลูกค้า แต่มันเกี่ยวกับการปลูกฝังความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนซึ่งขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนป้อนมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า (CLV) คือตัวชี้วัดที่นอกเหนือไปจากธุรกรรมระยะสั้นและมุ่งเน้นไปที่มูลค่าระยะยาวของลูกค้าค่ะ
ในบทความนี้ เราจะสำรวจแนวคิดของมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า ความสำคัญ และวิธีที่จะสามารถปฏิวัติกลยุทธ์ทางธุรกิจของคุณเพื่อเพิ่มผลกำไรสูงสุดและส่งเสริมความภักดีของลูกค้า เพื่อให้ประสบความสำเร็จนั้นเราจะต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจเพิ่มเติมอะไรบ้าง เราไปดูกันเลยค่ะ

1.การทำความเข้าใจมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า:

มูลค่าตลอดช่วงชีวิตของลูกค้าคือเมตริกที่วัดมูลค่ารวมของลูกค้าตลอดช่วงระยะเวลาที่ลูกค้ามีความสัมพันธ์กับธุรกิจของคุณ ไม่เพียงแต่คำนึงถึงรายได้ที่เกิดจากการซื้อครั้งแรกเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงรายได้ที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อซ้ำ การขายต่อยอด และการอ้างอิงหรือการบอกต่ออีกด้วย เมื่อเข้าใจคุณค่าที่แท้จริงที่ลูกค้ามอบให้กับธุรกิจของคุณ คุณจะสามารถทำการตัดสินใจอย่างรอบรู้มากขึ้นเกี่ยวกับการตลาด การรักษาลูกค้า และการจัดสรรทรัพยากรให้เกิดประโยชน์ได้ดียิ่งขึ้นค่ะ

ตัวเลขสำคัญอีกตัวหนึ่ง ที่นักธุรกิจและนักการตลาดใช้ประเมินและวัดประสิทธิภาพการทำธุรกิจคือ Customer Lifetime Value (CLV) หรือ Lifetime Value of Customer (LVC) ซึ่งตัวเลขตัวนี้ไม่มีสูตรคำนวณ เพราะ CLV คือมูลค่าตลอดช่วงชีวิตของลูกค้าคนหนึ่งที่มีต่อสินค้าหรือแบรนด์

Customer Lifetime Value

ถ้าลูกค้าของคุณ เลือกซื้อโลชั่นจากคุณและซื้อซ้ำทุกๆ 3 เดือน นั่นแปลว่า ถ้าลูกค้าท่านนี้ไม่เปลี่ยนไปซื้อโลชั่นจากที่อื่นเลยจนเสียชีวิต คุณจะสามารถหาตัวเลข CLV จากลูกค้าคนนี้ได้ไม่ยาก

เหตุผลที่ต้องประเมินหามูลค่าแบบช่วงชีวิต (Lifetime) ก็เพื่อที่จะได้สามารถบอกได้ว่า ลูกค้า 1 คนโดยเฉลี่ยแล้ว จะมีมูลค่ากับสินค้า แบรนด์ หรือบริษัทมากเท่าไหร่ตลอดช่วงชีวิตของเขา ทำให้บริษัทสามารถประเมินหาตัวเลขงบประมาณที่เหมาะสมในการจ่ายเพื่อหาลูกค้าใหม่รวมถึงงบประมาณที่เหมาะสมในการจ่ายเพื่อเก็บรักษาลูกค้าเก่าได้

2.การคำนวณมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า:

แม้ว่าจะมีหลายวิธีในการคำนวณ CLV แต่สูตรที่ใช้กันทั่วไปคือ:

CLV = (มูลค่าการซื้อเฉลี่ย) x (ความถี่ในการซื้อ) x (อายุการใช้งานของลูกค้า)

ก. มูลค่าการซื้อเฉลี่ย:  หมายถึงจำนวนเงินเฉลี่ยที่ลูกค้าใช้ในการซื้อแต่ละครั้ง คำนวณโดยการหารรายได้ทั้งหมดที่เกิดขึ้นด้วยจำนวนการซื้อ

ข. ความถี่ในการซื้อ:  หมายถึงความถี่ที่ลูกค้าทำการซื้อภายในระยะเวลาที่กำหนด คำนวณโดยการหารจำนวนการซื้อทั้งหมดด้วยจำนวนลูกค้าที่ไม่ซ้ำ

ค. อายุขัยของลูกค้า:  หมายถึงระยะเวลาโดยเฉลี่ยที่ลูกค้ายังคงมีส่วนร่วมกับธุรกิจของคุณ สามารถกำหนดได้โดยการวิเคราะห์ข้อมูลในอดีตหรือทำการประมาณการตามเกณฑ์มาตรฐานอุตสาหกรรม

Customer Lifetime Value

ดังนั้นตัวเลข CLV มักจะถูกหยิบขึ้นมาพูดถึงพร้อมๆ กับตัวเลข Customer Acquisition Cost (CAC) และ Cost per Acquisition (CPA) อยู่เสมอ เพราะมันมีความสัมพันธ์กันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และนักลงทุนใน Startup บางคนก็บ้าตัวเลขกลุ่มนี้มากกว่าตัวเลขกำไรด้วยซ้ำ

ก่อนทำตลาดสินค้าในมือ… ลองพิจารณา CLV ให้ละเอียด นอกจากจะเห็นตัวเลขหลายตัวช่วยตัดสินใจทางการตลาดแล้ว หลายกรณีสามารถค้นหากลยุทธ์ที่เหมาะสมได้อย่างไม่ยากเย็นเลยค่ะ

3.ความสำคัญของมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า:

การทำความเข้าใจและใช้ประโยชน์จากมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้าจะก่อให้เกิดประโยชน์มากมายสำหรับธุรกิจของคุณดังนี้
ก. การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์: CLV ให้ข้อมูลเชิงลึกที่เป็นแนวทางในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ ด้วยการระบุลูกค้าที่มีมูลค่าสูง คุณสามารถจัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์การรักษาลูกค้า และปรับแต่งความพยายามทางการตลาดของคุณเพื่อกำหนดเป้าหมายกลุ่มลูกค้าที่คล้ายกัน

ข. การเพิ่มประสิทธิภาพทางการตลาด: CLV ช่วยให้คุณระบุช่องทางการตลาดและแคมเปญที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อดึงดูดและรักษาลูกค้าที่มีมูลค่าสูง ด้วยการมุ่งความสนใจไปที่ช่องทางที่ให้ CLV สูงสุด คุณสามารถเพิ่มประสิทธิภาพงบประมาณการตลาดและเพิ่ม ROI ได้สูงสุด

ค. การรักษาลูกค้า: เมื่อเข้าใจ CLV คุณจะสามารถระบุโอกาสในการเพิ่มความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้าได้ ด้วยการดูแลความสัมพันธ์กับลูกค้า การให้บริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยม และการนำเสนอประสบการณ์ส่วนบุคคล คุณสามารถยืดอายุลูกค้าและเพิ่ม CLV ได้

ง. การขายต่อยอดและการขายต่อเนื่อง: CLV เน้นโอกาสในการขายต่อยอดและการขายต่อเนื่องให้กับลูกค้าปัจจุบัน ด้วยการวิเคราะห์ประวัติการซื้อและความชอบ คุณสามารถปรับแต่งข้อเสนอและคำแนะนำที่ตรงเป้าหมาย ซึ่งจะเป็นการเพิ่ม CLV โดยรวมของพวกเขา

Customer Lifetime Value

4.กลยุทธ์เพื่อเพิ่มมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า:

เพื่อเพิ่ม CLV และเพิ่มความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว ให้พิจารณาใช้กลยุทธ์ต่อไปนี้:

ก. การปรับให้เป็นส่วนตัว: สำหรับลูกค้าแล้วใครๆก็ชอบความเป็น VIP การปรับแต่งการโต้ตอบและข้อเสนอของคุณให้ตรงกับความชอบ ความต้องการ และประวัติการซื้อของลูกค้าแต่ละราย ประสบการณ์ส่วนบุคคลสร้างความรู้สึกมีคุณค่าและส่งเสริมความภักดี ทำให้โอกาสการซื้อซ้ำมีเพิ่มมากขึ้นค่ะ

ข. ความเป็นเลิศด้านการบริการลูกค้า: ลงทุนในบริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยมเพื่อสร้างความไว้วางใจและความภักดี การตอบข้อสงสัยให้กับลูกค้าทันท่วงที จัดการกับข้อกังวลของลูกค้าทันที จัดหาโซลูชันที่มีประสิทธิภาพ และดำเนินการให้เหนือความคาดหมาย

ค. โปรแกรมความภักดี: ใช้โปรแกรมความภักดีที่ให้รางวัลแก่ลูกค้าที่มีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง เสนอส่วนลดพิเศษ จัดโปรโมชั่นพิเศษ ลดแลกแจกแถม หรือสิทธิประโยชน์วีไอพีเพื่อจูงใจให้ซื้อซ้ำและบอกต่อ

ง. คำติชมและการมีส่วนร่วมของลูกค้า: แสวงหาความคิดเห็นของลูกค้าอย่างจริงจังและมีส่วนร่วมในการสื่อสารแบบสองทาง แบบสำรวจ บทวิจารณ์ และการโต้ตอบทางโซเชียลมีเดียให้ข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าสำหรับการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ บริการ และประสบการณ์โดยรวมของลูกค้านะคะ

Customer Lifetime Value (CLV) มูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้าเป็นเมตริกที่มีประสิทธิภาพซึ่งช่วยให้ธุรกิจเปลี่ยนโฟกัสจากการได้รับในระยะสั้นไปสู่ความสำเร็จในระยะยาว ด้วยการทำความเข้าใจคุณค่าที่แท้จริงที่ลูกค้าจะมอบให้ตลอดช่วงชีวิตของพวกเขา ธุรกิจต่างๆ สามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลเป็นหลัก จัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และจัดทำกิจกรรมส่งเสริมความภักดีของลูกค้า ด้วยการใช้กลยุทธ์ที่ยกระดับ CLV เช่น การปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับแต่ละบุคคล การบริการลูกค้าที่เป็นเลิศ โปรแกรมความภักดี และการมีส่วนร่วมอย่างจริงจัง ธุรกิจต่างๆ สามารถปลดล็อคการเติบโตอย่างยั่งยืนและวางตำแหน่งตัวเองเพื่อความสำเร็จระยะยาวในตลาดที่มีการแข่งขันสูง
ดูจะออกแนววิชาการซักนิด แต่อยากให้นำเอาไปปรับใช้กันนะคะ  ติชมแนะนำหรืออยากปรึกษาทักทายกันมาได้ค่ะ

ติดตามเนื้อหาดีๆเพิ่มเติมได้ที่

Facebook
https://www.facebook.com/JinFreedomlifeExpert

website&blog
https://jinmommyonline.com/
https://onlinemystore.co/

Podcast
https://spoti.fi/3DmMT6u
https://bit.ly/jinmommyonline-podcast

TikTok
https://www.tiktok.com/@jin589

พูดคุย สอบถาม ทักทายได้ที่
https://lin.ee/XPhgJyQ

สำหรับใครที่สนใจในแนวทางการเขียน ซึ่งเป็น 1 ใน Digital products จินขออนุญาติแนะนำคอร์สที่จินตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดความรู้ในเรื่องของการเขียนเพื่อสร้างรายได้ ในคอร์ส “เขียน ขาย ต้นทุน 0 บาท” เพื่อเป็นไกด์นำทางนะคะ สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่  หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือมีคำถามและต้องการปรึกษา สามารถพูดคุยทักทายกันได้ที่ปุ่มด้านล่างนี้ค่ะ

เพิ่มเพื่อน
ขาย ebook

ขายebookที่ไหนดี ชี้เป้า 9แหล่งส่งขาย ebook

ขาย ebook

จากคำถามของพี่ๆน้องๆหลายๆคนที่ติดตามเพจของจิน ถามมาว่าทำ ebooks เสร็จแล้วจะส่งขายที่ไหนคะ/ครับ ซึ่งจริงๆแล้วรายละเอียดในเนื้อหาในคอร์สจึงบอกไว้หมดเรียบร้อยแล้ว แต่ถามมากันค่อนข้างเยอะ

เลยอยากมาสรุปให้พี่ๆน้องๆที่ติดตามทางหน้าเพจ facebook ได้อ่านกันอีกที ซึ่งที่จินจะสรุปนี้อาจจะไม่ใช่ทั้งหมดแต่เป็นที่นิยมทำกันในปัจจุบันค่ะ เรามาดูกันเลยว่ามีที่ไหนบ้าง

9 แหล่งขาย e-bookยอดนิยม

 

1.ookbee.com

หากจะถามหาแหล่งซื้อหนังสือออนไลน์ เชื่อได้ว่า ookbee น่าจะเป็นที่คุ้นหูของใครๆหลายคน ในส่วนของ ookbee สามารถเข้าถึงได้ทั้งทางคอมพิวเตอร์หรือ notebook และโทรศัพท์มือถือ อีกทั้งยังมีแอพพลิเคชั่นทั้ง android และ iPhone อีกด้วย หนังสือของ ookbee แบ่งหมวดหมู่ย่อยหลากหลายประเภทของหนังสือ

ซึ่งในส่วน ookbee นั้นยังเปิดช่องทางให้นักเขียนและสามารถส่ง e-book ของตนเองไปวางที่ร้านได้ด้วย

ขาย ebook

2.mebmarket.com

เป็นอีกแหล่งหนึ่งที่เราจะเขียนเอาหนังสือไปวางขายซึ่งก็มีนักเขียนนำหนังสือ e-book ไปวางขายกันเป็นจำนวนมาก แต่สำหรับงานเขียนที่เป็นนิยายดูจะเป็นแหล่งที่นักเขียนให้ความสนใจเอาไปวางขายกันเป็นจำนวนมาก ดังจะเห็นได้ว่าเมื่อเราเข้าไปในหน้าแรกของเว็บไซต์เราจะเห็นในส่วนของนิยายที่จะแสดงอยู่ในหน้าแรก  หากจะเข้าไปค้นหาหนังสืออื่นๆต้องไปเข้าที่หมวดหมู่ ดังนั้นในส่วนของ mebmarket.com คงจะต้องพิจารณาในเรื่องของเนื้อหาและหมวดหมู่ที่จะส่งขาย อย่างไรก็ตามก็ถือว่าเป็นแหล่งขาย ebook ที่มีผู้สนใจเข้าไปซื้อเป็นจำนวนมาก

ขาย ebook

3.naiin.com

ในยุคที่ต้องปรับเปลี่ยน กับการขายบนออนไลน์ร้านหนังสือเองก็เข้าสู่การปรับเปลี่ยนด้วยเหมือนกัน เหมือนอย่างเช่นร้านหนังสือนายอินทร์ที่เปิดตลาดการขายหนังสือออนไลน์ นอกจากนี้ก็ยังเปิดรับนักเขียนหน้าใหม่ ที่ต้องการพาตัวเองเข้ามาสู่วงการนักเขียนโดยสามารถลงทะเบียนได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย 

ในส่วนของตัวเว็บไซต์ของ naiin เองก็มีหมวดหมู่ที่หลากหลายโดยเฉพาะในส่วนของ e-book ซึ่งมีเป็นจำนวนมากหากใครสนใจลองเข้าไปในเว็บไซต์และเยี่ยมชมดูก่อนได้เลยค่ะ

ขาย ebook

4.se-ed.com

สำหรับในส่วนของคอหนังสือ คงจะไม่มีใครไม่รู้จักในส่วนของร้านหนังสือซีเอ็ด ซึ่งในส่วนของร้านปัจจุบันก็ยังมีขายหนังสือที่เป็น Book Shop แบบที่มีหน้าร้าน และในปัจจุบันก็ไม่พลาดในส่วนแบ่งของร้านหนังสือออนไลน์ด้วยเช่นกัน สำหรับนักเขียนที่อยากส่งงาน E Bookขาย  ร้านซีเอ็ดเองก็เปิดรับสมัครนักเขียนใหม่ๆ ถึงแม้ว่าจะเริ่มต้น รับนักเขียนหน้าใหม่ช้ากว่าเพื่อนๆเขาแต่ก็ถือว่ามาช้าแต่ก็มานะ ในส่วนของลิงค์การรับสมัครคลิกตามหัวข้อของร้านได้เลยค่ะหรือคลิกตามรูปภาพได้เลยนะคะ

ขาย ebook

ในส่วนของการฝากวางขายตามร้านขายหนังสือออนไลน์ นักเขียนต้องยอมรับในเรื่องของส่วนแบ่งในการขาย ซึ่งจะขึ้นอยู่กับแต่ละร้านค้าที่ได้กำหนดสัดส่วนของการขายไว้ ซึ่งสัดส่วนของการขายนี้แต่ละที่จะไม่เท่ากันและอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดตามระยะเวลา ดังนั้นจินจะไม่ได้นำรายละเอียดของการรับค่าตอบแทนของร้านต่างๆมานำเสนอให้นะคะ

5.Facebook Page

การเปิดเพจใน Facebook เพื่อวางขาย e-book เป็นสิ่งที่จินอยากจะแนะนำค่ะ เพราะในส่วนของรายได้จะขึ้นอยู่กับตัวของเราเอง ซึ่งในการขายในเพจ Facebook นั้น สิ่งที่จินอยากจะแนะนำก็คืออยากให้นักเขียนสร้างแบรนด์ไปพร้อมๆกับการทำ Content อย่างต่อเนื่อง ทริคเล็กๆก็คือความมีวินัยและการเรียนรู้เพิ่มเติมในสิ่งใหม่ๆ เราอาจจะต้องเรียนรู้ในเรื่องของการโฆษณาทาง Facebook เพิ่มเติมซึ่งก็ไม่ได้ยากจนเกินไป จินเชื่อว่าเพื่อนๆทำได้ค่ะ 

6.สร้างเว็บไซต์ / Blog เพื่อขาย Ebook

พอเอ่ยคำว่าสร้างเว็บไซต์เพื่อนๆหลายคนอาจจะพากันคิดไปล่วงหน้าว่ายาก  แต่จริงๆแล้วการสร้างเว็บไซต์สมัยนี้ไม่ได้ยากจนเกินไปค่ะ ซึ่งเว็บไซต์สมัยนี้เราสามารถมีเว็บไซต์ได้ในราคา 1,XXX บาทต้นๆ ต่อปี (บางทีไปทานอาหารครั้งหนึ่งยังหมดมากกว่าเลยค่ะ🤣🤣🤣) และการทำก็กึ่งๆสำเร็จรูปไม่ได้ยากเกินความสามารถเพื่อนๆจริงๆนะคะ นอกจากนี้เรายังหารายได้จากเว็บไซต์ด้วยการเผยแพร่บทความและเพิ่มเติมในส่วนของ Google adsense ได้อีกด้วยค่ะ

7.ขายใน Marketplace

การขายใน marketplace ที่เป็นที่นิยมก็จะมีในส่วนของ shopee Lazada หรือ kaidee.com ฯลฯ โดยเฉพาะใน shopee Lazada เองร้านหนังสือหรือสำนักพิมพ์ต่างๆก็ไปเปิดขายกันมากมาย ในส่วนของ marketplace นั้นตัวเราเองเป็นเจ้าของร้าน ดังนั้นส่วนแบ่งรายได้จึงมีแค่เปอร์เซ็นต์เพียงเล็กน้อยที่ marketplace ต่างๆจะหักเป็นส่วนของค่าใช้จ่าย ซึ่งก็อาจจะได้สัดส่วนรายรับที่มากกว่าร้านหนังสือ อย่างไรก็ตาม เราอาจจะต้องทำการโปรโมท เพื่อให้คนเข้าถึงร้านค้าของเราได้มากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ 

8.วางขายใน Tiktok

เป็นช่องทางใหม่ที่หลายๆคนเริ่มเอาสินค้าจำพวกหนังสือหรือแม้กระทั่ง e-book นำไปวางขาย ซึ่งใน tiktok เราอาจจะต้องมีพื้นฐานในเรื่องของการทำ Short Video และเพิ่มเติมในส่วนของการทำ Content หรือการค้นหาแฮชแท็ก และสิ่งสำคัญที่ต้องมีคือการรักษาวินัยในการทำ content อย่างต่อเนื่อง และพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา

ขาย ebook

9.โกอินเตอร์วางขายตลาดต่างประเทศ

นอกจากมองในตลาดบ้านเราแล้ว หากใครมีพื้นฐานภาษาต่างประเทศในส่วนของตลาดต่างประเทศก็ดูเป็นเรื่องที่น่าสนใจมิใช่น้อย ตลาดใหญ่ๆก็คงจะหนีไม่พ้น Amazon Kindle Direct Publishing (KDP): Amazon KDP ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับการเผยแพร่ ebook ด้วยตนเอง คุณสามารถรับค่าลิขสิทธิ์สูงถึง 70% จากการขาย ebook ได้ ส่วนของแพลตฟอร์มออนไลน์อื่นๆ เช่น Barnes & Noble Press, Kobo Writing Life, Google Play Books, Apple Books, Smashwords, Gumroad และ BookBaby เป็นต้น แต่ละแพลตฟอร์มนั้นจะมีกฎเกณฑ์และเงื่อนไขที่แตกต่างกันไป ดังนั้นควรศึกษาและเลือกใช้แพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณและสินค้าของคุณด้วยค่ะ

ขาย ebook

สำหรับการวางขาย ebook ที่ได้กล่าวมาเบื้องต้นนี้ เป็นในส่วนของตลาดที่เป็นที่นิยม  ซึ่งจริงๆอาจจะมีมากกว่านี้แต่จินขอยกตัวอย่างมาเพียงเท่านี้ก่อนนะคะ สำหรับการวางขายก็ไม่ได้มีข้อจำกัดหรือข้อห้ามใดๆ เราสามารถลงวางขายได้ทุกช่องทางทุกแพลตฟอร์มพร้อมๆกันได้เลยค่ะ

อ่านมาถึงตอนนี้แล้วเพื่อนๆพร้อม หรือยังกับการเปลี่ยนความรู้เพื่อมาเป็นรายได้ด้วยการเขียน e-book ขอบคุณที่ติดตามและอ่านมาจนถึงบรรทัดสุดท้ายนี้นะคะ

ติดตามเนื้อหาดีๆเพิ่มเติมได้ที่

Facebook
https://www.facebook.com/JinFreedomlifeExpert

website&blog
https://jinmommyonline.com/
https://onlinemystore.co/

Podcast
https://spoti.fi/3DmMT6u
https://bit.ly/jinmommyonline-podcast

TikTok
https://www.tiktok.com/@jin589

พูดคุย สอบถาม ทักทายได้ที่
https://lin.ee/XPhgJyQ

สำหรับใครที่สนใจในแนวทางการเขียน ซึ่งเป็น 1 ใน Digital products จินขออนุญาติแนะนำคอร์สที่จินตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดความรู้ในเรื่องของการเขียนเพื่อสร้างรายได้ ในคอร์ส “เขียน ขาย ต้นทุน 0 บาท” เพื่อเป็นไกด์นำทางนะคะ สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่  หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือมีคำถามและต้องการปรึกษา สามารถพูดคุยทักทายกันได้ที่ปุ่มด้านล่างนี้ค่ะ

เพิ่มเพื่อน
คอนเทนต์วิดีโอ

7 ไอเดียช่องทางสร้างรายได้ด้วยคอนเทนต์วิดีโอ

7 ไอเดียช่องทางสร้างรายได้ด้วยคอนเทนต์วิดีโอ

สวัสดีค่ะในยุคที่ใครๆสมัยนี้ใครๆก็มีโทรศัพท์มือถือด้วยกันทุกคน ความบันเทิงในรูปแบบวีดีโอเป็นสิ่งที่หาได้ง่ายเพราะมีให้รับชมหลายๆแพลตฟอร์ม …

Digital Nomad

Digital Nomad17 สัญญาณที่บอกว่าคุณถูกกำหนดให้เป็น

Digital Nomad

Digital Nomad 17 สัญญาณที่บอกว่าคุณถูกกำหนดให้เป็น

ดีจังเนอะ! ได้ไปเที่ยวในวันธรรมดา ไม่ค่อยมีผู้คน อืมมมม บ้านนั้นเขาทำงานอะไรกันนะถึงได้มีเวลาว่างแบบนั้น  บลา บลา บลา …

เขียนบทความ

7 เรื่องต้องรู้ ทำไมต้องเขียนบทความลงเว็บไซต์

เขียนบทความ

7 เรื่องต้องรู้ ทำไมต้องเขียนบทความลงเว็บไซต์

การเขียนบทความในเว็บไซด์เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะใช้ในการสร้างผลิตภัณฑ์ของคุณให้เป็นที่รู้จักและประชาสัมพันธ์ธุรกิจของคุณให้แก่ผู้คนทั่วไป นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณได้รับความนิยมจากผู้ที่สนใจธุรกิจของคุณ และอีกทั้งยังช่วยให้คุณได้รับลิงก์ที่ดีที่สุดจากเว็บไซต์อื่นที่นำบทความเหล่านั้นไปเผยแพร่ ทำให้เว็บไซต์ของคุณอยู่ในตำแหน่งที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเผยแพร่บทความยังช่วยทำให้ผู้อ่านได้รับความรู้เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่คุณมีให้แก่ลูกค้าของคุณ ในรูปแบบที่ทำให้พวกเขารู้สึกสนใจที่จะได้รับคำแนะนำของคุณ

การนำบทความเผยแพร่ลงเว็บไซต์เป็นจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการสร้างเนื้อหาและสร้างความน่าสนใจให้กับเว็บไซต์ของคุณ ดังนั้น

7 เรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับการเขียนบทความลงเว็บไซต์ ได้แก่

1.เพื่อเพิ่มปริมาณเนื้อหา:

เนื้อหาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเว็บไซต์ เขียนบทความให้มีความน่าสนใจและเป็นประโยชน์สำหรับผู้อ่าน เพื่อเพิ่มปริมาณเนื้อหาและเพิ่มโอกาสในการปรับปรุงการค้นหาของเครื่องมือค้นหา เช่น Google,Bing,Yahoo ฯลฯ

2.เพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับเว็บไซด์ของเรา :

บทความที่มีคุณภาพสามารถช่วยสร้างความน่าสนใจและความสนุกสนานให้กับผู้อ่าน เพราะมีข้อมูลและข่าวสารที่น่าสนใจสำหรับเขา ทำให้ผู้ที่ได้เข้ามาอ่านติดตามข้อมูลอย่างต่อเนื่อง บทความเกี่ยวกับความรู้ รายละเอียดของสินค้าเชิงลึกหรือแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการนั้นๆ จะเป็นตัวช่วยที่ทำให้เปลี่ยนจากผู้อ่านเป็นFCได้เลยนะคะ

เขียนบทความ

3. เพื่อเพิ่ม Traffic :

เมื่อเว็บไซต์มีเนื้อหาที่น่าสนใจ เนื้อหาที่มีรายละเอียดให้ข้อมูลหรือคำแนะนำที่ผู้ชมเว็บไซด์ต้องการ จะส่งผลให้มีการเข้าชมเว็บไซต์เพิ่มขึ้น เนื้อหาที่ดีจะนำมาซึ่ง FC และทำให้ได้ฐานลูกค้า ซึ่งสามารถนำมาใช้สร้างรายได้จากการโฆษณาหรือการขายสินค้าได้อีกด้วย

4.ช่วยเพิ่มความน่าสนใจในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์:

การเผยแพร่บทความที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหรือสินค้าบริการของเว็บไซต์จะช่วยเพิ่มความสนใจและความเข้าใจในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์นั้นๆ ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ใช้งานมีแนวโน้มที่จะกลับมาใช้บริการของเว็บไซต์นั้นอีกครั้ง เนื้อหาหรือบทความที่ดี อาจมีการแชร์แบ่งปันทางสื่อโซเชียล ซึ่งจะเป็นการเพิ่มการเข้าถึงผู้คนได้อีกด้วย

5.ช่วยเพิ่มการขาย หรือสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น :

การให้ข้อมูลเนื้อหาหรือรายละเอียดของสินค้าหรือบริการ เปรียบเสมือนมีเซลล์ช่วยทำการขาย ให้กับสินค้าได้ตลอด 24 ชม. ในรายละเอียดของบทความ เราสามารถแทรกลิ้งค์สินค้า เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงการตัดสินใจได้โดยง่าย หรือการใส่ CTA (Call To Action) เพื่อให้ลูกค้าติดต่อเข้ามา เพื่อทำการปิดการขายได้อีกด้วย

เขียนบทความ

6.ช่วยเพิ่มภาพลักษณ์ความเป็นมืออาชีพ :

รายละเอียดของเนื้อหาหรือสินค้า การบริการในเว็บไซต์จะช่วยเพิ่มความสนใจและภาพลักษณ์ในความเป็นผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ ความเป็นมืออาชีพของงานนั้นๆหรือสินค้านั้นๆ โดยเฉพาะสินค้าที่มีคุณค่ามีราคา ความเป็นมืออาชีพจะช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้งายยิ่งขึ้น

7.ช่วยเพิ่มอันดับของเว็บไซต์ :

การเพิ่มอันดับของเว็บไซต์ให้อยู่หน้าแรกของการค้นหา เป็นหัวใจหลักของการทำเว็บไซต์ โดยสถิติแล้วผู้ค้นหาจาก Google , Bing , Yahoo มักจะเปิดดูเพียงแค่ ไม่เกิน 2 หน้าแรกโดยสถิติ บทความและการเผยแพร่บนเว็บไซต์จึงเป็นวิธีหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มอันดับเว็บไซต์ของคุณแบบธรรมชาติ (Organic) ในผลการค้นหาของเครื่องมือการค้นหา เพราะบทความที่เขียนขึ้นมานั้นมักจะมีความน่าสนใจและมีความสมบูรณ์ที่สามารถสร้างความสนใจและเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านได้

ดังนั้น บทความที่มีคุณภาพและสอดแทรกคำค้นหาหรือการแก้ไขปัญหาที่ผู้อ่านพบบ่อยจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านของคุณ จะช่วยเพิ่มอันดับของเว็บไซต์ได้อีกด้วย นอกจากนี้ การใช้คำสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาบทความและการตั้งชื่อที่น่าสนใจสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการปรากฏในผลการค้นหาของเครื่องมือการค้นหาได้อีกด้วย

การนำบทความลงเผยแพร่ในเว็บไซต์เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้เราสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและน่าสนใจให้กับผู้อ่านได้ บทความที่มีคุณภาพสามารถช่วยเพิ่มปริมาณ Traffic และเพิ่มความเชี่ยวชาญของผู้เขียนในด้านที่เขาเขียน นอกจากนี้ยังช่วยสร้างความไว้วางใจในเว็บไซต์และสร้างการตอบรับจากผู้อ่านอีกด้วยค่ะ ดังนั้น หากคุณต้องการเผยแพร่บทความลงในเว็บไซต์ จำเป็นต้องมีการวางแผนการเขียนที่ดี ใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายและเป็นรูปแบบที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายของผลิตภัณฑ์หรือบริการนั้นๆ และสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและน่าสนใจ เพื่อให้ผู้อ่านติดตามเนื้อหาของเราได้ตลอดเวลานะคะ

สำหรับใครที่สนใจในแนวทางการเขียน ซึ่งเป็น 1 ใน Digital products จินขออนุญาติแนะนำคอร์สที่จินตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดความรู้ในเรื่องของการเขียนเพื่อสร้างรายได้ ในคอร์ส “เขียน ขาย ต้นทุน 0 บาท” เพื่อเป็นไกด์นำทางนะคะ สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่  หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือมีคำถามและต้องการปรึกษา สามารถพูดคุยทักทายกันได้ที่ปุ่มด้านล่างนี้ค่ะ

เพิ่มเพื่อน

ขอบคุณที่กดไลค์ กดแชร์และกดติดตามค่ะ
ติดตามเนื้อหาดีๆเพิ่มเติมได้ที่

Facebook
https://www.facebook.com/JinFreedomlifeExpert

website&blog
https://jinmommyonline.com/
https://onlinemystore.co/

Podcast
https://spoti.fi/3DmMT6u
https://bit.ly/jinmommyonline-podcast

TikTok
https://www.tiktok.com/@jin589

พูดคุย สอบถาม ทักทายได้ที่
https://lin.ee/XPhgJyQ

#content #mindset #การสร้างรายได้ #digitalproduct

กฎแห่งความสำเร็จ

21 กฎแห่งความสำเร็จของคนธรรมดา แต่ความสำเร็จไม่ธรรมดา

21 กฎแห่งความสำเร็จของคนธรรมดา แต่ความสำเร็จไม่ธรรมดา

กฎแห่งความสำเร็จ

1.

กฎการหมกหมุ่น (ปัญหา หรือ ความสำเร็จ) กฎเดียวกันแต่ให้ผลลัพธ์ต่างกันไกลมาก

2.

กฎการเปลี่ยนความรู้ เป็นความรวย มีคนทำได้ 1 ใน 100 ก็มากพอเป็นโอกาสเสมอ

3.

กฎการลงทุนฟรี + กำไร คือลงทุนความรู้ สุขภาพ บอกรัก ขอบคุณ ขอโทษ อภัยตัวเอง เป็นการลงทุนฟรี กำไรไม่สิ้นสุด

4.

กฎการทุ่มเท ทำงานหนักที่ดี ต้องมีความก้าวหน้าชีวิตและธุรกิจ การงานด้วย

5.

กฎของการก้าวหน้า หมดไฟ หรือหมดใจ เช็คก่อน ค่อยๆแก้ ค่อยๆก้าว

กฎแห่งความสำเร็จ

6.

กฎของความรู้ ความแค่รู้จัก แพงกว่าความรู้จริง ในสิ่งที่ทำเสมอ

7.

กฎการฝึกมองหา สิ่งที่อยากมองเห็น ฝึกมองลอดช่องทุกปัญหา ให้เป็นโอกาสเสมอสำหรับตัวเองได้เสมอ

8.

กฎของแรงบันดาลใจ = แรง +บันดาลใจ หากว่าวันไหนหมดใจ อย่าลืมไปเพิ่มแรง❤️‍🔥❤️‍🔥❤️‍🔥

9.

กฎของคิดบวก คิดยังไม่ได้ ไม่เป็นไร แต่อย่าไปรับเพิ่ม และเริ่มหาคนคิดบวกคุยด้วยบ่อยๆ👍👍👍

10.

กฎแห่งความสำเร็จ แยกคนมีความรับผิดชอบตัวเอง 💯% ออกจากคนโทษ บ่น อ้างเสมอ

กฎแห่งความสำเร็จ

11.

กฎของความเชื่อมั่นในความฝัน เป้าหมาย จะไม่ลืมเรียนรู้ ลงมือทำให้มากตามไปด้วยตลอด

12.

กฎการเป็นนายตัวเอง ความหมายคือรับผิดชอบตัวเอง 💯% ต่อทุกเป้าหมาย

13.

กฎเจ้าของชีวิต ไม่มีใครทำให้เราล้มเหลว หรือสำเร็จได้ถ้าเราไม่ยอม

14.

กฎของการขอความช่วยเหลือ อย่าลืมยื่นมือออกไปด้วย

15.

กฎการรักษาแผล ยังต้องห้ามเลือดก่อนเลย ฉันใด ก็ฉันนั้น การเปิดทางไหลเงินเข้า อย่าลืมปิดทางไหลเงินฟุ่มเฟือยออกก่อนเช่นกันนะคะ

กฎแห่งความสำเร็จ

16.

กฎของการเริ่ม ไม่กล้าเริ่มสิ่งใหม่ ๆ จะเอาความตื่นเต้น เร้าใจที่ไหนมาลุ้น

17.

กฎของการเลือก “ไม่เป็นคนขาย ก็ต้องเป็นคนซื้อ” เลือกก่อนจะได้ทำตัวถูก

18.

กฎของคนเก่ง เก่งขึ้นวันละ 1% ปีหนึ่งก็ 365 % เก่งต่อเนื่องทุกวัน 3 ปี 5 ปี เราจะไม่เก่งเบอร์ต้นๆในวงการได้เหรอ

19.

กฎแห่งความสำเร็จ เป็นหน้าที่ เพื่อ…………..

20.

กฎของการตื่นรู้ “การเกิด เลือกไม่ได้ แต่โตไป ตายไป” เลือกได้ วันนี้ดีที่สุดจะยังไง

21.

กฎของการคิด คิดไม่ลงมือทำซะที อย่าหาคิดให้เหนื่อยมันไม่จบ เพราะคนที่คิดแล้วทำเลย ทดลองเลย เรียนรู้ ปรับปรุง ทำอีก ทำซ้ำ “ไม่ได้ ไม่ได้” ทำจนได้ ทำจนถึงเป้าหมาย เหนื่อยนะแต่เขาจบ (คิดดี ๆ)

เพิ่มเพื่อน

ขอบคุณที่กดแชร์และเข้ามาเยี่ยมชมค่ะ
ติดตามเนื้อหาดีๆเพิ่มเติมได้ที่

Facebook
https://www.facebook.com/JinFreedomlifeExpert

website&blog
https://jinmommyonline.com/
https://onlinemystore.co/

Podcast
https://spoti.fi/3DmMT6u
https://bit.ly/jinmommyonline-podcast

พูดคุย สอบถาม ทักทายได้ที่
https://lin.ee/XPhgJyQ

#content #mindset #การสร้างรายได้ #digitalproduct

สร้างรายได้

11 ไอเดียการสร้างรายได้ด้วยต้นทุน 0 บาท

11 ไอเดียการสร้างรายได้ด้วยต้นทุน 0 บาท   

ขายอะไรดี คำถามยอดฮิตในทุกๆปีของคำค้นหา Google ตัวเลือกหนึ่งของการขายสินค้าแบบต้นทุนต่ำกำไรงามคือการขายผลิตภัณฑ์ดิจิทัล ซึ่งเป็นวิธีที่ประหยัดและไม่ยุ่งยากในการเปิดแหล่งรายได้ใหม่ …

digital nomad

Digital Nomad อิสระของการสร้างรายได้

NewBlueFX TotalFX Crack

Digital Nomad อิสระของการสร้างรายได้

คุณเคยแอบสงสัยบ้างมั๊ยคะ  เพื่อนร่วมงาน , เพื่อนบ้าน ลาออกจากงานเพื่อเดินทางไปโผล่ที่นั่น ที่นี่หรือทั่วโลก ทำงานทางไกล โดยเห็นการใช้ชีวิตตามที่ต่างๆ มีอุปกรณ์เพียงแค่โน๊ตบุ๊คและโทรศัพท์มือถือซักเครื่องนึง พวกเขาเหล่านั้นกำลังทำเงินออนไลน์ใช่หรือไม่? …

ebook

5 ข้อได้เปรียบของEbookในการทำธุรกิจ

ebook

Aiseesoft Screen Recorder Crack

5 ข้อได้เปรียบของEbook ในการทำธุรกิจ

จากแนวโน้มของการเติบโตของ smartphone ในประเทศ ประกอบกับการประสบปัญหาโควิด 2019 ทำให้ตลาดของหนังสืออีบุ๊คเติบโตมากยิ่งขึ้น และการอ่านหนังสืออีบุ๊คก็ทำได้สะดวกผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่งในปัจจุบันมีใช้กันเป็นจำนวนมาก

ebook

9เคล็ดลับสำหรับนักเขียน ebook มือใหม่

ebook

การเขียน ebook เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี หากคุณต้องการรายได้เสริมที่มั่นคงหรือคุณกระตือรือร้นที่จะก้าวไปสู่ก้าวแรกที่ยิ่งใหญ่ในอาชีพการเขียนของคุณ นักเขียนหลายคนที่ตระหนักว่าพวกเขายังไม่ได้เริ่มทำ e-book ของตัวเอง บางทีคุณอาจเป็นหนึ่งในนั้น  คุณอาจจะยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน หรือกังวลว่าจะหาเวลาได้อย่างไร? เคล็ดลับ 9ข้อนี้จะช่วยให้คุณได้แนวคิดที่ดี ค้นคว้า และเขียนร่างฉบับแรกของคุณ สำหรับนักเขียนมือใหม่เมื่อเริ่มเขียน สิ่งแรกคือ ต้องหาทางเริ่มเขียน ebooks หลายๆคนเข้ามาปรึกษาเป็นจำนวนมาก มักถามคำถามเดิม: ฉันจะเริ่มต้นได้อย่างไร ,ฉันควรเขียนเกี่ยวกับอะไร หรือไม่รู้จะเขียนอะไรดี วันนี้จินมีทริคดีๆมาแนะนำค่ะ

เคล็ดลับ 1: เลือกหัวข้อ

การเลือกหัวข้อ อย่าเลือกหัวข้อเพียงเพราะคุณคิดว่าคุณจะทำเงินได้ เพราะคุณอาจพบว่าตลาดอิ่มตัว และมีเพียงนนักเขียนเจ้าใหญ่ๆหรือที่เป็นที่ยอมรับเท่านั้นที่ขายดี บางหัวข้ออาจฟังดูน่าเชื่อถือมาก เพราะคุณรู้ว่ามีตลาดใหญ่อยู่ที่นั่น แต่อย่าตัดสินใจเขียน เช่น “หนังสือลดน้ำหนัก” ดังนั้นการเลอกคุณควรที่จะเลือกหัวข้อที่ (ก) คุณรู้เยอะอยู่แล้วและ (ข) หัวข้อที่คุณจะสนุกกับการเขียน วิธีนี้ทำให้คุณไม่ต้องค้นคว้าอะไรมากเพื่อเร่งความเร็ว และเพิ่มโอกาสที่คุณจะเห็น ebooks รับฉบับร่างสุดท้ายของคุณเร็วขึ้น

เคล็ดลับ 2: ระบุความเชี่ยวชาญเฉพาะของคุณ

หากคุณไม่แน่ใจว่าหัวข้อเฉพาะทางของคุณคืออะไร หรือว่าความเชี่ยวชาญของคุณคืออะไร  ให้ลองสำรวจตัวเองว่า บล็อก ,Youtube หรือเว็บไซต์ ที่คุณเข้าชมบ่อยๆ เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร สิ่งเหล่านี้สามารถเป็นเบาะแสบางอย่างแก่คุณได้ค่ะ

เมื่อคุณเลือกหัวข้อได้แล้ว ให้เจาะลึกลงไปในแหล่งข้อมูลเหล่านี้ คุณอาจจะพบบทความบางบทความที่คุณอ่านแล้ว มีไอเดียต่อยอด (คิดว่าเฮ้ย..มันน่าจะเป็นอย่างนั้น อย่างนี้….) สิ่งเหล่านี้อาจบ่งบอกถึงแนวคิดหลักที่พวกเขากล่าวถึง ซึ่งอาจเป็นหัวข้อที่ยอดเยี่ยมสำหรับอีบุ๊คนะคะ

ebook

เคล็ดลับ 3: สำรวจกลุ่มเป้าหมายของคุณ

หากคุณมีบล็อกหรือจดหมายข่าวทางอีเมล แสดงว่าคุณเป็นผู้นำในเกมอีบุ๊ค คุณไม่เพียงมีผู้ชมพร้อมสำหรับงานของคุณเท่านั้น คุณยังมีแหล่งไอเดียดีๆ อีกด้วย

สองวิธีง่ายๆในการทำเช่นนี้:

  1. คิดชื่อหรือหัวข้ออีบุ๊ค ที่เป็นไปได้สามถึงเจ็ดรายการ และ
  2. สำรวจผู้ชมของคุณเพื่อค้นหาว่าพวกเขาชอบอะไร โดยอาจจะใช้แบบสอบถาม, กระทู้ในเว็บบอร์ด หรือใช้ Google Form เพื่อดูความคิดเห็นหรืออีเมลที่คุณได้รับ คำถามหรือปัญหาอะไรเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า? จะเป็นแหล่งข้อมูลที่จะช่วยให้คุณช่วยเขียนอีบุ๊ค เกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้นได้

เคล็ดลับ 4: จัดสรรเวลา

นักเขียนหลายคนพบว่ามักจะติดอยู่ในขั้นตอนการวิจัย รวบรวมบทความและทรัพยากรเนื้อหาต่างๆมากขึ้นเรื่อยๆ อ่านหนังสือซ้ำแล้วซ้ำเล่า จดคำพูด ข้อเท็จจริง และข้อมูลอ้างอิงที่ยอดเยี่ยม

หลีกเลี่ยงสิ่งนี้โดยให้เวลากับตัวเองในการค้นคว้าข้อมูลอย่างจำกัด นั่นหมายถึงการแบ่งเวลาในการอ่านหนังสือ , ดู Youtube ,อ่าน blog เป็นการวางแผนเพื่อเติมข้อมูลให้กับสมองของเราเองค่ะ ก่อนที่คุณจะเริ่มเขียน หรือค้นคว้าเป็นระยะเวลาหนึ่งเมื่อคุณมาถึงบทใหม่แต่ละบทของ ebook ของคุณ

ebook

เคล็ดลับ 5: อ่านหนังสือที่คล้ายกัน 

Input = Output
ข้อมูลที่มากพอจะทำให้เราสามาถ ถ่ายทอดไอเดียแปลงเป็นตัวหนังสือได้ดียิ่งขึ้น

นี่อาจฟังดูชัดเจน แต่นักเขียนบางคนพึ่งพาโพสต์บล็อกและบทความมากเกินไป และไม่หันไปหา หนังสืออื่นๆ ไม่ว่าหัวข้อของคุณจะเป็นอย่างไร คุณจะสามารถค้นหาหนังสือและอีบุ๊ค ที่คล้ายกันได้  ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเราจะไปก็อปปี้บทความหรือไอเดียของคนอื่นนะคะ หากแต่คุณได้อ่านเนื้อหาจากหลายๆที่ ย่อมให้ได้ปริมาณข้อมูลที่มากพอ เวลาที่เราจะเขียน

คุณไม่จำเป็นต้องอ่านทุกคำในหนังสือทุกเล่มที่คุณเลือก ให้ใช้สารบัญหรือดัชนีเพื่อช่วยคุณค้นหาส่วนที่เกี่ยวข้องกับคุณมากที่สุดแทน สิ่งเหล่านี้สามารถช่วยเสนอแนวคิดเพิ่มเติมในแง่มุมต่างๆ ของหัวข้อที่คุณอาจยังไม่ได้พิจารณา

เคล็ดลับ 6: ผ่อนคลาย

อาการของการตัน ตื้อ คิดอะไรไม่ออก  เป็นสิ่งที่นักเขียนส่วนใหญ่ต้องได้เคยผ่านมากันทั้งนั้น ไม่ต้องวิตกกังวลไปค่ะ การพักผ่อน ผ่อนคลาย หรือเปลี่ยนบรรยากาศในการทำงาน เป็นสิ่งที่จะช่วยให้เราผ่านตรงจุดนี้ไปได้ค่ะ การเปลี่ยนบรรยากาศไปทำงานที่ภายนอก เช่นร้านกาแฟ ,ริมทะเล ,ริมลำธาร ก็จะช่วยให้เราผ่อนคลายและทำให้สมองของเราไหลลื่น ลื่นไหล ข้อนี้ก็สำคัญนะคะ แนะนำลองไปใช้ดูค่ะ ไม่หวงลิขสิทธ์นะคะ ^_^

เคล็ดลับ 7: สร้างโครงร่างทั้งหมด

วิธีที่ง่ายที่สุดวิธีหนึ่งในการทำให้การเขียนง่ายขึ้นคือการมี โครงร่างที่ ชัดเจนก่อนเริ่ม มิฉะนั้น จะเป็นเรื่องง่ายที่จะติดจะตัน จะตื้อในสองสามบทใน ebook ของคุณ

โครงร่างของคุณควรมีอย่างน้อยที่สุด:

ชื่อสำหรับแต่ละบท อย่าทนทุกข์ทรมานกับถ้อยคำที่แน่นอนในขั้นตอนนี้นานเกินไป โดยปกติแล้ว ควรมี 15 ตอนสั้นๆ แทนที่จะเป็น 5 ตอนยาวๆ หากอีบุ๊ค ของคุณเกี่ยวข้องกับหัวข้อกว้างๆ การแยกออกเป็นสามถึงห้าส่วนก็อาจเหมาะสมเช่นกัน

หัวเรื่องย่อยหรือส่วนย่อยสำหรับแต่ละบท พร้อมรายการจุดที่มีรายละเอียดข้อมูลเนื้อเรื่องที่ครอบคลุมตามที่คุณต้องการ

เคล็ดลับ 8: สำรวจสิ่งรบกวนสมาธิ

สำหรับคนส่วนใหญ่ การเขียนเป็นงานที่มีความต้องการเป็นส่วนตัวสูงและใช้พลังงานสูง และมักจะง่ายที่จะละทิ้งสิ่งรบกวนสมาธิ
เคล็ดลับเล็กๆก็คือ อย่าวางสิ่งล่อใจในเส้นทางของคุณ: สร้างสภาพแวดล้อมที่ปราศจากสิ่งรบกวน ปิดโทรศัพท์ของคุณ ออกจากระบบบัญชีอีเมล Facebook, Twitter, Skype ,Lineและอื่นๆ ที่อาจส่งเสียงหรือป๊อปแจ้งเตือนบนหน้าจอของคุณ
เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับความสำเร็จโดยการสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนเป้าหมายของคุณ

เคล็ดลับ 9: อย่าหมกมุ่นอยู่กับการแก้ไข

การแก้ไขเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเขียน หากคุณต้องการประสบความสำเร็จในฐานะนักเขียนอิสระ คุณต้องฝึกฝนทักษะการแก้ไขของคุณ อย่างไรก็ตาม จะเป็นการดีที่สุดถ้าคุณไม่เริ่มหมกมุ่นอยู่กับการแก้ไขในขณะที่เขียน มุ่งเน้นที่การเขียนบทความ บล็อกโพสต์ หรืองานอื่นๆ ที่คุณกำลังทำงานอยู่ จากนั้นเริ่มกระบวนการแก้ไขหลังจากร่างแบบเสร็จ

ในขณะที่คุณพัฒนาฝีมือ คุณจะสามารถแก้ไขตัวเองได้โดยอัตโนมัติขณะที่คุณเขียนแบบร่าง อย่างไรก็ตาม หากคุณจดจ่อกับกระบวนการแก้ไขมากเกินไปในขณะเขียน คุณอาจเริ่มสงสัยในความสามารถของคุณและเมื่อนั้นการเขียนฉบับร่างก็จะไม่เสร็จ ดังนั้นเมื่อเขียนเสร็จแล้ว สิ่งที่ละเลยไม่ได้ก็คือการทบทวนต้นฉบับของคุณ

เริ่มแรกของการเขียน อย่างเพิ่งถามหาความสมบูรณ์แบบนะคะ

เป็นทริคที่จินได้นำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันและนำมาแบ่งปันกับเพื่อนๆค่ะ หากอ่านมาถึงตรงนี้แล้วสนใจในแนวทางการเขียน ซึ่งเป็น 1 ใน Digital products จินขออนุญาติแนะนำคอร์สที่จินตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดความรู้ในเรื่องของการเขียนเพื่อสร้างรายได้ ในคอร์ส “เขียน ขาย ต้นทุน 0 บาท” เพื่อเป็นไกด์นำทางนะคะ สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่  หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือมีคำถามและต้องการปรึกษา สามารถพูดคุยทักทายกันได้ที่ปุ่มด้านล่างนี้ค่ะ

เพิ่มเพื่อน
Scroll to Top