ปลายฝน ต้นหนาวฤดูการเปลี่ยนผ่าน อากาศเปลี่ยนแปลงดูแลสุขภาพไม่ให้เจ็บป่วยจึงเป็นเรื่องท้าท้ายสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเล็ก หรือเด็กๆที่อยู่ในวัยเรียนเหมือนกันนะคะ
หนึ่งในโรคสำคัญที่ ทำให้เกิดอาการป่วยง่าย ๆ โดยเฉพาะในเด็กเล็ก คือ โรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อ virus RSV มองเผิน ๆ เหมือนไข้หวัดธรรมดา ทั้งอาการและการดูแลรักษา แต่จะอย่างไรก็ประมาทไม่ได้นะคะ วันนี้จินเอาข้อมูลมาเขียนแบ่งปันไว้ให้คุณพ่อคุณแม่ได้สังเกตและดูแลลูกๆของเราด้วยกันค่ะ
คำถามจากลูกชายวัยประถมศึกษาปีที่ 2 หลังเลิกเรียนกระโดดขึ้นรถก็พ่นคำถาม ทันที [perfectpullquote align=”full” bordertop=”false” cite=”” link=”” color=”#ff0000″ class=”” size=”24″]แม่ครับ วันนี้เพื่อนไม่มาโรงเรียนป่วยเป็นไข้ RSV …แล้วไข้ RSV คืออะไรครับ [/perfectpullquote]
อ่านเฉพาะเรื่อง
มาทำควารรู้จัก RSV กันค่ะ
RSV virus (Respiratory Syncytial Virus) เป็นเชื้อ virus ที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อทางเดินหายใจทั้งส่วนบนและส่วนล่างหู คอ จมูก และปอดได้ RSV virus เป็นเชื้อสุดฮิตที่เกิดขึ้นในหมู่เด็กเล็กๆ เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะช่วงปลายฝนต้นหนาวนี้ จริงๆแล้วเชื้อ virus RSV ไม่ใช่เชื้อเกิดใหม่ แต่ที่เป็นที่รู้จักได้ยินหนาหูในปัจจุบันเนื่องจาก เป็นเชื้อที่ก่อให้เกิดอันตรายได้ถึงชีวิตในเด็กเล็ก ที่อายุต่ำกว่า 3 ปีค่ะ ส่วนผู้ใหญ่และเด็กโตก็ติดเชื้อได้ แต่ส่วนใหญ่อากาศไม่รุนแรงก็ไม่ได้ต่างจากการเป็นไข้หวัดธรรมดาทั่วไปค่ะ
สาเหตุและอาการติดเชื้อไวรัส RSV
ทั้งเด็กและผู้ใหญ่สามารถติดเชื้อ virus ชนิดนี้ได้ ทางเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย ไอ จาม มือเปื้อนเชื้อ แกะ แคะ จมูก ตา หรือเข้าปาก ก็สามารถติดเชื้อ virus RSV ได้ หากสุขภาพแข็งแรง อาการป่วยไม่รุนแรง ดูเผินๆก็เป็นเหมือนไข้หวัดธรรมดาจะหายได้เอง
อันตรายจากการเสียชีวิตของเด็ก และผู้ใหญ่ที่ติดเชื้อ RSV virus โดยตรงนั้นน้อยมาก เพราะ RSV virus ไม่ใช่เชื้อโรคที่ร้ายแรง แต่สาเหตุการเสียชีวิตส่วนใหญ่มักมาจากการเกิดภาวะแทรกซ้อนในเด็กเล็กๆ ซึ่งภูมิคุ้มกันร่างกายน้อย หรือมีโรคประจำตัว เช่นโรคหัวใจ โรคปอด อาจจะเกิดภาวะรุนแรงถึงขั้น การหายใจล้มเหลว ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ หรือเสียชีวิตได้ค่ะ
จะรู้ได้อย่างไรว่าติด เชื้อ virus RSV หรือไม่ ?
อาการจะเริ่มแสดงหลังรับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย ประมาณ 3-6 วัน จะมีอาการคล้ายกับไข้หวัดธรรมดา เริ่มจาก การมีน้ำมูก จาม ไอ และต้องพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ เพิ่มด้วย เช่น อยู่ในช่วงปลายฝนต้นหนาว เป็นช่วงของการระบาด มีประวัติเพื่อนที่โรงเรียนลูกป่วย (เหมือนเพื่อนในห้องเรียนลูกชาย เป็นต้นค่ะ )
ถามว่าวิธีการดูแลรักษา virus RSV ทำอย่างไร
คุณพ่อ คุณแม่ สังเกตอาการ เพิ่มเติมจากไข้สูง ไอ จาม เหนื่อหอบ มีเสมหะจำนวนมาก หายใจมีเสียหวีด ซึ่งบ่งบอกว่าหลอดลมตีบ หรือหลอดลมฝอยอักเสบ ถ้ามีอาการผิดปกติควรพาลูกๆของเราไปพบแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยที่โรงพยาบาล ในส่วนการดูแลรักษาจินขอแนะนำเป็น 2 ส่วนหลัก แบบนี้ค่ะ
ส่วนที่ 1.ในส่วนของแพทย์
ส่วนนี้เองเมื่อลูกมีอาการที่ต้องพบแพทย์ คุณพ่อ คุณแม่จะมีบทบาทหน้าที่เป็นคุณพยาบาลพิเศษทำงานร่วมกับคุณหมอ และคนไข้ VIP ตัวน้อยหรือลูกๆของเราค่ะ เมื่อทำการตรวจวินิจฉัยโรคแล้ว การรักษาเป็นไปตามอาการ รักษาแบบประคับประคอง อาจไม่ต้องนอนโรงพยาบาลกรณีที่ไม่มีภาวะการอักเสบติดเชื้อแทรกซ้อนในระบบทางเดินหายใจอื่นๆ
เบื้องต้น คุณหมอจะให้ยาลดไข้ กลับบ้าน คุณพ่อคุณแม่ควรติดปรอทไว้วัดไข้ และอย่าลืมบันทึกไว้ด้วยนะคะ เช็ดตัวลดไข้ และสังเกตอาการอื่นๆเพิ่มเติม เช่น ไอหนัก เหนื่อย หอบหายใจลำบาก ไข้สูง หรือในเด็กบางรายที่มีลักษณะของหลอดลมตีบ ก็อาจจะมีการให้ยาพ่นเพิ่มเพื่อขยายหลอดลม รวมถึงการเคาะปอดและดูดเสมหะค่ะ ตรงนี้ต้องพาลูกๆกลับไปหาคุณหมอด่วนนะคะ
ส่วนที่ 2.ในส่วนของคุณพ่อคุณแม่
ส่วนนี้จินเองให้น้ำหนักค่อนข้างมากค่ะ เนื่องจากเป็นส่วนที่เริ่มได้เลยด้วยความรู้ความเข้าใจของคุณพ่อคุณแม่เองจากที่บ้าน ในการป้องกันก่อนเจ็บป่วย ซึ่งแน่นอนว่าเราไม่สามารถคัดกรองเชื้อโรค หรือสั่งห้ามไม่ให้ลูกสัมผัสกับเชื้อโรคได้เลย ที่ทำได้คือให้ภูมิคุ้มกันกับลูกให้ได้ครอบคลุมที่สุดค่ะ การพาไปรับวัคซีนให้ครบ หรือวัคซีนเฉพาะโรคในช่วงการระบาด เช่นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ ต่างๆเป็นต้น แต่กรณี RSV นั้นยังไม่มีวัคซีนสำหรับฉีดเป็นภูมิคุ้มกันค่ะ เท่าที่ทราบมาหรือถ้ามีแล้วทักมาบอกกันด้วยนะคะ
การเพิ่มวิตามิน ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโรค เช่น วิตามินซี ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระ
เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายลูกได้ กรณีคุณพ่อ คุณแม่เลือกเสริมวิตามิน หรืออาหารเสริม เพิ่มจากการทานอาหารแนะว่าเลือกวิตามินซีจากแหล่งที่น่าเชื่อถือปลอดภัย และมีมาตรฐานทางการแพทย์ดีๆนะคะ จะให้ดีและปลอดภัยก็เสริมเป็นผัก ผลไม้สดเพิ่มเข้าไปในมื้ออาหารเพิ่มค่ะ จินเลือกเป็นผลไม้วิตามินซีสูงเพิ่มในมื้ออาหาร และเสริมน้ำผลไม้สกัด G3 ให้ดื่ม 1 ช็อตเช้าก่อนไปเรียนค่ะ
การพูดคุยให้คำแนะนำกับลูกเรื่องการดูแลสุขอนามัยส่วนตัวของเขา ทั้งที่เราช่วยทำให้และเขาทำได้เอง เช่นการล้างมือ ไม่แกะแคะจมูก อมนิ้ว ดูดมือ หรือการใส่หน้ากากอนามัย ไอ จามปิดปาก ปิดจมูกรวมถึงการกินอาหารที่มีประโยชน์ การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ หรือการไปออกกำลังกายค่ะ
การล้างจมูก และทางเดินหายใจส่วนบนด้วยน้ำเกลือ NSS (คุณพ่อ คุณแม่ช่วยทำให้ได้ไม่ต้องไปที่รพ.ก็ได้ค่ะ) ที่บ้านเด็กๆ ชินถึงขั้นขอทำกันเองเลยค่ะ เวลาที่เขาเริ่มมีน้ำมูกใสๆ จามบ่อยๆ ไอห่างๆ เราจะรีบล้างจมูกและดื่มน้ำผลไม้ G3 เพิ่มเป็น 2 ช็อต ทั้งเช้าและก่อนนอนค่ะ
เป็นอย่างไรบ้างคะ คุณพ่อคุณแม่คงพอรู้จัก RSV virus และการดูแลลูกๆทั้งในช่วงก่อนป่วย และเจ็บป่วยเพิ่มมากขึ้นแล้วใช่ไหมค่ะ หากมีข้อสงสัย หรือคำถามสุขภาพเรื่องอะไรอยากให้จินช่วยหาแหล่งข้อมูลหรือให้คำแนะนำก็ทักมาได้เลยนะคะ จินพร้อมยินดีให้ความช่วยเหลือค่ะ