ทำอย่างไร? ให้ชะลอโรคแพ็คเกจจากเบาหวาน
♥เบาหวาน ความดัน ไขมัน ไต หัวใจ หลอดเลือดสมองตีบตันแตกมาทำความรู้จักโรคแพคเกจกันค่ะ
ไม่สำคัญว่าจะเป็นโรคไหนก่อน ที่สำคัญกว่าคือจะเป็นโรคไหนก่อน แล้วก็ทยอยตามๆกันมาเป็นของแถมค่า
จะช้า จะเร็วอยู่ที่ ใครให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพเข้มข้นกว่า
จินจะแชร์แบ่งปันวันนี้
เป็นการดูแลของญาติๆ ในการดูแลเบาหวานที่บ้าน เพื่อชะลอโรคแทรกซ้อนอื่นๆที่จะทะยอยๆตามมาให้ช้าที่สุด และมีคุณภาพชีวิตที่ดีตามสมรรถนะของร่างกายค่ะ
วันนี้จินมีโอกาสได้พูดคุยและให้คำปรึกษาสุขภาพเบาหวาน และกำลังมีภาวะไตเริ่มเสื่อมตามมา ให้กับพี่สาวที่น่ารักและเคารพมาก 2 ท่านค่ะ อาการเดียวกันต่างที่คนหนึ่งเป็นคุณแม่ อีกคนเป็นคุณพ่อค่ะ
อ่านเฉพาะเรื่อง
♥ทำไมเป็นเบาหวาน ชอบแถมด้วยโรคแพ็คเกจอื่นๆตามมาด้วย
จินขออธิบายแบบไม่เป็นทางการ แบบนี้ค่ะ ❤️ ปกติแล้วเวลาที่เรากินอาหารเข้าไปจะผ่านกระบวนการย่อยจากกระเพราะอาหารและ เปลี่ยนรูปเป็นน้ำตาลกลูโคส เพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงาน และดูดซึมเข้าไปให้พลังงานกับเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย เมื่อเซลล์ได้รับพลังงาน ก็จะทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างเยี่ยมค่ะ
โรคเบาหวาน เป็นภาวะเรื้อรังของการมีน้ำตาลในเลือดสูง มองภาพว่า เลือดเชื่อม เลือดหวาน เลือดซึ่งปกติก็มีเม็ดเลือด มีเกลือแร่วิตามินอื่นๆด้วย ประกอบกับน้ำตาลสูงๆ เลือดจะหนืดจะข้นขนาดไหน? ถ้าเลือดจะเปราะ ตีบ ตัน แตกก็คงเกิดขึ้นได้ กล้ามเนื้อหัวใจจะโตขึ้นจากการทำงานหนัก หลอดเลือดฝอยๆเล็กๆตัน ทำให้อวัยวะสำคัญๆๆเช่นไต หัวใจ สมองขาดเลือดไปเลี้ยงก็คงไม่ยากใช่ไหมคะ
เอาละค่ะ เรามาว่าเรื่องของการเป็นเบาหวาน แล้วจะชะลอภาวะแทรกซ้อนกันเลยดีกว่าค่ะ
จริงๆจะว่าไปชะลอภาวะแทรกซ้อน หรือโรคแพ็คเกจอื่นๆที่จะทะยอยๆ ตามๆ กันมา ถ้าให้อธิบายสั้นๆให้เห็นภาพก็คือ ให้เบาๆ หวาน เพื่อชะลอโรคแทรกซ้อน นั่นเองค่ะ
ผศ.พญ. พิมพ์ใจ อันทานนท์ สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย ได้เขียนบทความกี่ยวกับการดูแลรักษาผู้ป่วยเบาหวานไว้ว่า เป้าหมายหลักเพื่อลดภาวะแทรกซ้อนระยะยาวจากเบาหวาน ทำได้โดยการควบคุมระดับน้ำตาล ในปัจจุบันระดับน้ำตาลที่เป็นเป้าหมายจะมีค่าที่เหมาะในผู้ป่วยแต่ละราย โดยขึ้นกับอายุ ระยะเวลาที่เป็น การมีโรคแทรกซ้อน ความเจ็บป่วยและโรคร่วม รวมถึงประวัติการเกิดน้ำตาลในเลือดต่ำ ถ้าเป็นมาไม่นาน ไม่มีภาวะแทรกซ้อนหรือโรคร่วม ควรควบคุมระดับน้ำตาลให้ใกล้เคียงค่าปกติ หรือระดับ A1C < 6.5% (ถ้าเป็นไปได้) หรือ < 7% ในขณะผู้ที่เป็นเบาหวานมานานและมีภาวะแทรกซ้อน หรือโรคร่วมหลายโรคที่รุนแรง เป้าหมายของระดับ A1C ประมาณ 7-8% ส่วนในผู้ที่อายุมากกว่า 65 ปี ถ้าไม่มีโรคร่วม ควรควบคุมให้เป้าหมายของ A1C < 7% ถ้ามีโรคร่วมแต่ยังช่วยเหลือตัวเองได้ เป้าหมายของ A1C ควรอยู่ที่ 7-7.5% ถ้าเป็นผู้สูงอายุที่มีเปราะบาง อาจให้เป้าหมาย A1C สูงได้ถึง 8.5% ดังนั้นการตั้งเป้าหมาย A1C
อ่านเพิ่มเติมความรู้และพยาธิสภาพของโรค จากสมาคมโรคเบาหวาน ตามลิงค์นี้นะคะ https://www.dmthai.org/index.php/knowledge/for-normal-person/health-information-and-articles/health-information-and-articles-old-3/846-2019-04-20-01-49-18
แล้วจะต้องทำอย่างไร เพื่อชะลอภาวะแทรกซ้อนระยะยาวจากเบาหวาน โดยการควบคุมระดับน้ำตาล ในปัจจุบัน
3 เรื่องหลักที่จะต้องให้ความเข้มข้นในการดูแลเบาหวาน
วันนี้ค้นหา 3 เรื่องหลักๆที่จะต้องให้ความเข้มข้นในการดูแลมาฝากค่ะ
1.เรื่องอาหาร
ศึกษาเรื่องอาหารและโภชนาการของโรงพยาบาลราชวิถีตามลิ้งค์ที่จินแปะไว้ได้เลยค่ะ ดีมากๆ
2.เรื่องการออกกำลังกาย
ศึกษาเรื่องการออกกำลังกายจากเว็บไซต์โรงพยาบาลศิริราช ตามลิงค์ได้เลยค่ะ https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/453
3.เรื่องการใช้ยาควบคุมระดับน้ำตาล
ศึกษาการกินยาเบาหวานอย่างไร ให้ถูกต้องจากเว็บไซต์มหาวิทยาลัยมหิดลคณะเภสัชวิทยา ตามลิ้งค์ได้เลยค่า
เอาละค่าา มาถึงตรงนี้แล้วว ท้ายสุดสุดท้ายการดูแลก่อนเจ็บป่วย ย่อมดีกว่านะค่ะ แต่จะถึงอย่างไร เมื่อเจ็บป่วยแล้วหากรู้วิธีการดูแลสุขภาพให้ชะลอภาวะเจ็บป่วยอื่นแทรกซ้อนตามมาได้ ก็ถือว่าเจ๋งมากๆนะคะ