9 ทักษะที่นักเขียนต้องมีในปี 2025
9 ทักษะที่นักเขียนต้องมีในปี 2025
9 ทักษะที่นักเขียนต้องมีในปี 2025 Read More »
9 ทักษะที่นักเขียนต้องมีในปี 2025 Read More »
Comfort Zone เป็นสภาวะที่เรา
รู้สึกปลอดภัย สบายใจ และไม่มีความเสี่ยง
.
ในเมื่อ Comfort Zone คือโซนสบายแล้ว
จะฝึกเปลี่ยนแปลงตัวเราเองทำไม?
ก็ชอบผลลัพธ์ แบบนี้ไหม?
✅ รู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิต
✅ ใช้ชีวิตแบบรูทีนซ้ำ ๆ ทุกวัน
✅ ไร้เป้าหมายใหม่ที่ท้าทาย
✅ ชีวิตวน loop เดิมๆ ทำสิ่งเดิม ๆ
✅ พยายามน้อย /ไม่พยายามเรียนรู้ทักษะใหม่
✅ ขาดแรงจูงใจในการพัฒนาตัวเอง
✅ รู้สึกไม่อยากเรียนรู้หรือปรับปรุงอะไรในชีวิต
✅ #มีข้ออ้างจนเป็นนิสัย ไม่มีเงิน, ไม่มีเวลา ยุ่งมากๆ, ไม่รู้ๆทำไม่ได้ ทำไม่เป็น…
บลา..
บลา..
.
.
จินเคยปลอยให้ตัวเองดำดิ่ง
ไปกับความสบายใจปลอมๆ ในโซนสบาย
ของตัวเองมาก่อน… ผ่านข้ออ้างนา นา
มาเชคไปด้วยกันคุณมีไหม?
.
” ไม่อยากเปลี่ยนอะไรทั้งนั้น มันดีละ ”
” ฉันเป็นของฉันแบบนี้แหละ ”
“ฉันทำแบบนี้มาตลอด และมันก็โอเคอยู่แล้ว”
“เดี๋ยวค่อยทำวันหลัง ผัดวันประกันพรุ่งเป็นนิสัย เพราะกลัวการเริ่มต้น”
“ถ้าฉันทำแล้วมันล้มเหลวล่ะ?”
กลัวความล้มเหลวมากจนไม่ยอมลงมือทำ
ไม่กล้าเปลี่ยนแปลง แม้สิ่งใหม่อาจดีกว่า
.
.
บลา บลา… สาระพัดจะยกเหตุผลมาให้ตัวเองสบายใจที่จะอยู่ใน ComfortZone ต่อไป
ก็ไม่ผิดนะ [ นั่น!! 🤣 มีเหตุผลจนได้.. 😂]
.
.
[ ไงคะ…? ใช่ค่ะ…] ก่อนจะหยุด
จินเคยสุดมาก่อนเหมือนกัน 🤣🤣
.
.
🚩 วิธีทลาย Comfort Zone #ฉบับส่วนตัว
1.เริ่มที่ #อนุญาติให้ตัวเองเปลี่ยนแปลง
.
2. #อะไรที่เป็นทักษะแปลว่าฝึกได้ ฉันฝึกได้
พกติดตัวไว้ พูดกับตัวเอง เมื่อเจอความกลัวใหม่ๆ ความท้าทายใหม่ในระหว่างทางทำเป้าหมาย
.
3 .ยอมรับ โอบกอดกับความกลัวที่มี และขอบคุณที่มาเตือนให้ระวัง แต่ไม่เคยปล่อยให้มันมาหยุดความฝัน ความหวังในอนาคต ด้วยการยกเหตุผลดีไ( ข้ออ้างทั้งนั้น)ข้างต้นมาเป็นพวกได้สำเร็จ
4.นับทุกความก้าวหน้า เล็กๆน้อยๆก็นับ เก็บเป็นความภูมิใจ ความสุขที่เราเอาชนะตัวเองคนเก่า เมื่อวานได้แล้ว 1 วัน
.
เพราะ การเปลี่ยนแปลง ความเปลี่ยนแปลง
ไม่ได้เกิดขึ้นในวันเดียว บางอย่าง บางทักษะ บางเรื่อง เคลื่อนที่เปลี่ยนแปลงช้าแทบมองไม่เห็นการเคลื่อนที่ไม่ต่างจากเข็มนาฬิกาบอก ชม..
.
แต่ก็นั่นแหละค่ะ
การ #ฝึกเปลี่ยนแปลงเป็นทักษะ
แปลว่า ฝึกได้ และผลลัพธ์ของมันน่าจะคุ้มกว่าอยู่ใน ComfortZone ไม่มากก็น้อย จริงไหมคะ?
.
5.ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน (SMART Goals)
ลงมือทำตามแผนที่วางไว้เป็นแผนแรกก่อน ไม่ปรับเปลี่ยนกลางอากาศ เพราะหลงเข้า ComfortZone ของตัวเอง
.
.
ฝึกตั้งคำถามกับตัวเอง…
ถ้าฉันไม่เปลี่ยนสิ่งนี้ [ นิสัยแย่ๆ เดิมๆ]
ฉันจะเสียโอกาสใหม่ๆ อะไรบ้าง?
.
ฉันจะดีขึ้นเรื่อง…….. ใน…… วัน/เดือน/ปี
ฉันต้องทำอะไร, ทำอย่างไร, ใครช่วยฉันได้บ้าง [ ถ้ามันทำแล้วเกินกำลัง ]
.
.
6.ระวังเรื่องการใช้เวลาพูดคุย
แลกเปลี่ยนมุมมอง ไอเดียกับคนที่มี FixMindset สุดโต่ง เสียเวลาทั้งคู่ค่ะ
.
#กรณีนักเรียนบางคนคุยกันครั้ง, 2 ครั้งไม่ไหว… จินคืนค่าคอร์สก็มีค่ะ เพราะมันเสียเวลาเราทั้งคู่ [ จะมาดึงเชือก ชักกะเย้อกันทำไม] 55 55
.
.
7.ใช้เวลาคุณภาพกับตัวเอง อ่านหนังสือ สวดมนต์นั่งสมาธิ ไปออกกำลังกาย หรือไปเดินเที่ยว ดูหนัง ร้องคาราโอเกะ ว่าไป… ค่ะ
.
.
8.เพิ่มพูนทักษะใหม่ ที่ยังไม่มั่นใจหรืออยากมี อยากทำเป็นด้วยการหาพี่เลี้ยง หาครู หรือหาคอร์สเรียน/หนังสือมาเรียนเพิ่ม… ปีหน้า 2025 คอร์สการเงินการลงทุนต้องเข้าละ
แบบนี้เป็นต้นค่ะ
.
.
มีใครอ่านมาถึงตรงนี้บ้างไหมคะ
(ยาวมากกก) จริงๆแล้วโพสต์นี้
เขียนไว้จะเตรียมอัดคลิปค่ะ
.
เช้านี้ ยืมมาโพสต์เป็นบทความก่อน
ละกันค่ะ 55555
___
ทุกการเปลี่ยนแปลง หรือไม่เปลี่ยนแปลง
มีผลลัพธ์รออยู่เสมอ คุณเชื่อไหม?
.
.
ด้วยรักและส่งพลังค่ะ
I’mJin
ComfortZone ชีวิตใหม่เริ่มต้นที่ Comfort Zone สิ้นสุดลงพร้อมวิธีแก้ Read More »
Ebook สามารถเป็นทั้ง สินทรัพย์ (Asset) และ ทรัพย์สิน (Property) ได้ ขึ้นอยู่กับมุมมองและวิธีการใช้งาน:
Ebook เป็นทั้ง “สินทรัพย์” และ “ทรัพย์สิน” ในเวลาเดียวกัน เพราะมันมีคุณสมบัติในการสร้างรายได้และยังเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่สามารถต่อยอดหรือส่งต่อได้ หากจัดการอย่างเหมาะสม Ebook สามารถเป็นรากฐานของธุรกิจดิจิทัลที่ยั่งยืน.
อีบุ๊คเป็นทรัพย์สิน หรือสินทรัพย์ Read More »
Fix Mindset เป็นอุปสรรคใหญ่ในการปิดกั้นการเติบโต
“Fix Mindset” หมายถึงความเชื่อที่ว่าความสามารถและศักยภาพของตนเองเป็นสิ่งตายตัว เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เช่น คิดว่า “ฉันไม่เก่งเลข” หรือ “ฉันไม่มีความคิดสร้างสรรค์” ทัศนคติเช่นนี้เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเติบโตส่วนบุคคลและความสำเร็จในระยะยาว เนื่องจากทำให้เราไม่กล้าทดลองสิ่งใหม่ๆ ไม่พยายามพัฒนาตนเอง และมักมองความล้มเหลวเป็นความล้มเหลวถาวร แทนที่จะมองว่าเป็นโอกาสเรียนรู้
สรุป: การเอาชนะ Fix Mindset ต้องเริ่มจากการเปลี่ยนมุมมองและเชื่อมั่นว่าการเติบโตเป็นไปได้ ความพยายามและความล้มเหลวคือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ หากฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง คุณจะสามารถสร้าง Growth Mindset และเปิดประตูสู่ศักยภาพใหม่ๆ ในชีวิต
Fix Mindset คืออะไร? Read More »
คุณเคยคิดไหมว่าสิ่งที่คุณรู้ สิ่งที่คุณถนัด ประสบการณ์ที่คุณสั่งสม และสิ่งที่คุณรักที่จะทำ สามารถแปลงเป็นรายได้ได้อย่างไร? ในโลกปัจจุบันที่เต็มไปด้วยโอกาสทางธุรกิจออนไลน์ ความรู้ ความถนัด ประสบการณ์ และสิ่งที่คุณรักสามารถกลายเป็นแหล่งรายได้ที่มั่นคงได้ โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนมากมาย เพียงแค่คุณรู้จักวิธีการนำเสนอและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม วันนี้จินจะพาเพื่อนๆพี่ๆน้องๆมาดูกันว่า เราสามารถสร้างรายได้จากความรู้ของเราได้อย่างไรบ้าง จินจะพาไปหาคำตอบกันค่ะ!
ในบทความนี้ จินจะพาคุณไปรู้จักกับ 5 ตลาดดิจิทัลที่จะช่วยให้คุณสามารถนำความรู้และความสามารถของคุณมาสร้างรายได้ได้อย่างหลากหลาย พร้อมทั้งแนะนำวิธีการเริ่มต้นที่ทำได้ง่ายๆ แม้คุณจะเป็นมือใหม่ในวงการก็ตาม พร้อมแล้วเราไปทำความรู้จักกับ ตลาดดิจิตัลกันได้เลยค่ะ
อีบุ๊ค หรือหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ คือไฟล์ดิจิทัลที่สามารถอ่านได้บนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน โดยทั่วไปมักอยู่ในรูปแบบไฟล์ PDF ซึ่งเป็นที่นิยมเพราะเปิดอ่านได้ง่ายและรักษารูปแบบการจัดหน้าได้ดี
– ขายเองผ่านโซเชียลมีเดีย
– ฝากขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Amazon Kindle, Ookbee และฯลฯ
– สร้างเว็บไซต์ของตัวเองเพื่อขาย
– **ความสะดวก**: ฟังได้ทุกที่ทุกเวลา แม้ขณะทำกิจกรรมอื่น
– **ประหยัดเวลา**: เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาอ่านหนังสือ
– **อารมณ์และความรู้สึก**: การฟังเสียงสามารถถ่ายทอดอารมณ์ได้ดีกว่าการอ่าน
– แพลตฟอร์มออดิโอบุ๊ค เช่น Ookbee, marketplace ฯลฯ
– เว็บไซต์ส่วนตัว
– แอพพลิเคชันมือถือ
– CD หรือ USB (สำหรับลูกค้าบางกลุ่ม)
สำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์การเรียนรู้แบบครบวงจร คอร์สออนไลน์เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม คุณสามารถนำความรู้ของคุณมาสร้างเป็นบทเรียนวิดีโอ พร้อมกับเอกสารประกอบและแบบฝึกหัดต่างๆได้
– **ยืดหยุ่น**: ผู้เรียนสามารถเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา
– **ประหยัด**: ไม่ต้องเดินทาง ประหยัดค่าใช้จ่าย
– **หลากหลาย**: มีหลักสูตรให้เลือกมากมาย
– **ทบทวนได้**: สามารถดูซ้ำได้ไม่จำกัด
– **ปรับแต่งได้**: สามารถปรับการสอนให้เหมาะกับแต่ละบุคคล
– **ผลลัพธ์รวดเร็ว**: ผู้เรียนได้รับคำแนะนำโดยตรง ทำให้พัฒนาได้เร็ว
– **สร้างความสัมพันธ์**: เกิดความไว้วางใจระหว่างโค้ชและผู้เรียน
– **ราคาสูง**: สามารถตั้งราคาได้สูงกว่าการสอนกลุ่ม
### วิธีเริ่มต้นเป็นโค้ชส่วนตัว
### ช่องทางการหาลูกค้าโค้ชชิ่งส่วนตัว
– โซเชียลมีเดียส่วนตัว (LinkedIn, Facebook, Instagram)
– เว็บไซต์ส่วนตัว
– การบอกต่อจากลูกค้าเดิม
– แพลตฟอร์ม Market place ฯลฯ
– **การมีปฏิสัมพันธ์**: ผู้เข้าร่วมได้พบปะและแลกเปลี่ยนประสบการณ์
– **การเรียนรู้แบบเข้มข้น**: เรียนรู้ได้มากในเวลาอันสั้น
– **สร้างเครือข่าย**: โอกาสในการสร้างคอนเนคชั่นทางธุรกิจ
– **ประสบการณ์ตรง**: ได้เห็น ได้ลองทำจริง ซึ่งช่วยให้เข้าใจได้ดียิ่งขึ้น
– เว็บไซต์ส่วนตัว
– แพลตฟอร์มขายตั๋วออนไลน์ เช่น Eventbrite
– โซเชียลมีเดีย Facebook , Instagram , tiktok ฯลฯ
– การร่วมมือกับองค์กรหรือบริษัทต่างๆ ,วิทยากรรับเชิญ
การเปลี่ยนความรู้และความสามารถที่คุณมีให้เป็นรายได้ เป็นโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจในยุคดิจิทัล ด้วยการใช้กลยุทธ์ที่หลากหลายผ่าน 5 ตลาดหลัก คุณสามารถสร้างแหล่งรายได้ที่หลากหลายและยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นอีบุ๊ค ออดิโอบุ๊ค คอร์สออนไลน์ การโค้ชชิ่งส่วนตัว หรือการจัดสัมมนา แต่ละช่องทางมีข้อดีและความท้าทายที่แตกต่างกันสิ่งสำคัญคือการเริ่มต้นจากสิ่งที่คุณรู้และรัก พัฒนาความเชี่ยวชาญอย่างต่อเนื่อง และมุ่งมั่นที่จะสร้างคุณค่าให้กับผู้อื่น [perfectpullquote align=”full” bordertop=”false” cite=”” link=”” color=”#FFA500″ class=”” size=”26″]
การสร้างธุรกิจจากความรู้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณมีรายได้เท่านั้น แต่ยังเป็นการแบ่งปันประสบการณ์และช่วยเหลือผู้อื่นให้เติบโตและประสบความสำเร็จด้วย [/perfectpullquote]
การเริ่มต้นอาจไม่ง่าย แต่ด้วยความมุ่งมั่นและความต่อเนื่อง คุณสามารถสร้างธุรกิจจากความรู้และความเชี่ยวชาญของคุณได้ จำไว้ว่า ทุกคนมีความรู้และประสบการณ์ที่มีค่า เพียงแค่คุณต้องรู้จักนำมันออกมาใช้ให้เป็นประโยชน์
(ททท….ทำทันที) เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ แล้วคุณจะพบว่า การแบ่งปันความรู้ไม่เพียงแต่สร้างรายได้ แต่ยังช่วยพัฒนาตัวคุณเองและสร้างคุณค่าให้กับผู้อื่นอีกด้วย ขอให้โชคดีในการเริ่มต้นธุรกิจดิจิทัลของคุณค่ะ!
แปลงความรู้สู่รายได้: 5 ตลาดดิจิทัลที่คุณควรรู้ Read More »
การเขียน เป็นทักษะที่ฝึกได้
และใช้เป็น 1 ในวิธีที่ดีในการหารายได้เสริม
พัฒนาทักษะการเขียน และสร้างผลงาน
ลองสมัครสมาชิกเว็บไซต์ รับงานเขียนออนไลน์ เริ่มต้นเขียนบทความ และสร้างรายได้จากงานเขียนของคุณ
จาก 5 เว็บไซต์นี้ที่จินเอามาฝากค่ะ
1.TrueID in-trend: เว็บไซต์สำหรับเขียนบทความออนไลน์หลากหลายประเภท สมัครสมาชิกฟรี เขียนบทความได้เงินจริง เริ่มต้น 50 บาทต่อบทความ
.
2. Blockdit: แพลตฟอร์มสำหรับเขียนบทความและแชร์ความรู้ สมัครสมาชิกฟรี เขียนบทความได้เงินจริง รายได้จากโฆษณาและการสนับสนุนจากผู้อ่าน
https://www.blockdit.com/faqs
.
3.Fastwork: เว็บไซต์รับงานฟรีแลนซ์หลากหลายประเภท รวมถึงงานเขียน สมัครสมาชิกฟรี เสนอราคาและรับงานเขียนตามทักษะ
https://fastwork.co/
.
4.Ookbee : สมัครสมาชิกฟรี เว็บไซต์รับฝากงานเขียน Ebook ขายได้รับค่าคอมมิชชั่นเมื่อมีผู้อ่านซื้อสินค้า
.
5.Content Shifu: เว็บไซต์สำหรับนักเขียนมือใหม่ สมัครสมาชิกฟรี ฝึกเขียนบทความ รับคำติชมจากนักเขียนมืออาชีพ พัฒนาทักษะการเขียน
https://contentshifu.com/become-shifu-writer
ทริคสำคัญ คือ ฝึกฝีมือการเขียนให้สม่ำเสมอ
ดี /ไม่ดี… ขอความสม่ำเสมอมาก่อนเลย …..ขอให้สนุกกับการเขียน สร้างรายได้ค่ะ
____
สนใจคอร์สเรียน #เขียนขาย สร้างรายได้ด้วยทุน 0 บาท ในคอร์สสอนตั้งแต่เริ่มต้นการเรียนจนเอาไปขาย หรือสร้างรายได้ทุกช่องทางค่ะ
รายละเอียด ทักมาพูดคุยได้ค่ะ
https://lin.ee/QfIKyVb
____
ด้วยรักและส่งพลัง
โค้ชจิน
#DigitalProductExpert
หน้าที่จิน คือ ช่วยคุณเปลี่ยนความรู้เป็นรายได้ด้วย #DigitalProduct หรือทักษะที่คุณมี❤️
5 เว็บไซต์ สร้างรายได้จากงานเขียนออนไลน์ฟรี Read More »
ความฝันของการเป็นเจ้าของธุรกิจเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้น เย้ายวน คือความฝันของใครๆหลายคนที่จะทำให้คุณเป็นเจ้าของชีวิตของตัวเอง แต่ก่อนที่คุณจะเข้าสู่โลกธุรกิจ มีความสำคัญที่คุณควรรู้เกี่ยวกับการเริ่มต้นในธุรกิจ ด้วยเหตุนี้จินเองได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ 7 สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนที่จะเริ่มต้นในธุรกิจของคุณ ฉบับคัดย่อ มาฝากเพื่อนๆพี่ๆน้องๆไว้ดังนี้ค่ะ
การวางแผนเป็นขั้นตอนสำคัญในการเริ่มต้นในธุรกิจ เริ่มจากการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและกำหนดกลยุทธ์ที่เหมาะสมในการเติบโตและประสบความสำเร็จในอนาคต การวางแผนจะช่วยให้คุณเตรียมพร้อมกับอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตและเป็นแนวทางสำหรับการดำเนินธุรกิจในระยะยาว
มีเครื่องมือหลายชนิดที่ช่วยให้การวางแผนธุรกิจเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยบางเครื่องมือจะช่วยให้คุณวางแผนการเติบโตของธุรกิจของคุณในระยะยาว และบางเครื่องมือจะช่วยให้คุณวางแผนโครงการและกิจกรรมต่างๆ ด้วยเครื่องมือที่มีมากมาย จินจึงของยกตัวอย่างซัก 2-3 ชนิดดังนี้ค่ะ
การเข้าใจตลาดเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ คุณควรศึกษาและวิเคราะห์ตลาดเพื่อทราบถึงความต้องการของลูกค้าและคู่แข่งในอุตสาหกรรมที่คุณกำลังเข้าสู่ ในการศึกษาตลาด คุณสามารถรวบรวมข้อมูลโดยใช้วิธีต่าง ๆ เช่นการสำรวจลูกค้าเป้าหมาย การศึกษาคู่แข่งและการวิเคราะห์ข้อมูลตลาดเพื่อนำมาปรับแผนธุรกิจของคุณให้เหมาะสมตามแต่ละตลาด
การจัดการทรัพยากรเป็นสิ่งสำคัญที่คุณควรพิจารณาเมื่อเริ่มต้นในธุรกิจ รวมถึงการจัดหาทรัพยากรที่จำเป็นเช่นเงินทุน, แรงงาน, และวัสดุอุปกรณ์ คุณต้องคำนึงถึงการจัดการทรัพยากรให้เหมาะสมและประหยัดทรัพยากรในการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้ธุรกิจของคุณสามารถเติบโตได้อย่างเหมาะสม ตัวอย่างของการจัดการทรัพยากรในการเริ่มต้นในธุรกิจได้แก่
การทำการตลาดเป็นกระบวนการสำคัญที่จะช่วยให้คุณสร้างความรู้จักกับลูกค้าและเพิ่มยอดขายสินค้าหรือบริการของคุณ คุณควรพิจารณาเกี่ยวกับกลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจของคุณ เช่นการใช้สื่อโฆษณาออนไลน์, การสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจบนสื่อสังคมออนไลน์ และวิธีการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว ด้วยการทำการตลาดในยุคปัจจุบันนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และด้วยเหตุผลที่มีการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการซื้อขายของผู้บริโภค และการเปลี่ยนแปลงในเทคโนโลยีและการสื่อสาร ดังนั้น การทำการตลาดในยุคปัจจุบันจะต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ดังต่อไปนี้
การเพิ่มกำไรและการจัดการเงินเป็นสิ่งสำคัญในธุรกิจ คุณควรมีการวางแผนการเงินที่ดีและรอบคอบเพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างยั่งยืน คุณควรคำนึงถึงรายรับและรายจ่าย การกำหนดราคาสินค้าหรือบริการที่เหมาะสม การบริหารจัดการเงินให้มีประสิทธิภาพ และการเตรียมค่าใช้จ่ายสำหรับอุปกรณ์ การตลาด และการขยายธุรกิจในอนาคต การจัดการด้านการเงินสำหรับธุรกิจใหม่จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ที่เราควรวางแผนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพสามารถช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตและประสบความสำเร็จ การจัดการด้านการเงินสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ ทำอย่างไรจินขอให้คำแนะนำดังนี้ค่ะ
การบริหารจัดการเวลาเป็นองค์ประกอบสำคัญในการเริ่มต้นธุรกิจ คุณต้องมีความรอบรู้ในการวางแผนเวลาให้เหมาะสม เพื่อให้คุณสามารถจัดการกับงานต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างเช่นการตั้งเป้าหมายสำหรับงานต่าง ๆ, การกำหนดลำดับความสำคัญของงาน และการใช้เครื่องมือช่วยในการจัดการเวลา เพื่อให้คุณสามารถใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด
การบริหารจัดการเวลาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ประกอบการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ การใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณสามารถทำงานได้มากขึ้นในระยะเวลาที่กำหนด ขอให้คำแนะนำดังนี้:
การบริหารจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณสามารถทำงานได้มากขึ้นและสามารถรับมือกับความท้าทายในการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ในแต่ละวันได้อย่างทรงพลังเลยค่ะ
เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเริ่มต้นธุรกิจ การพัฒนาตนเองเพื่อเตรียมความพร้อมในการเผชิญหน้ากับความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในธุรกิจ คุณควรพัฒนาทักษะทางธุรกิจและทักษะการเจริญเติบโตส่วนตัว เช่น การสื่อสาร, การนำทีม, การแก้ไขปัญหา, และการคิดอย่างสร้างสรรค์ การพัฒนาตนเองมีความสำคัญในการเริ่มต้นธุรกิจด้วยหลายเหตุผลดังต่อไปนี้ค่ะ :
การเริ่มต้นในธุรกิจเป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็ให้ผลตอบแทนคุ้มค่ามาก หากคุณมีไอเดียดีๆ และเต็มใจที่จะทำงานหนัก คุณก็สามารถบรรลุความฝันในการเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเองได้
เมื่อคุณเริ่มต้นในธุรกิจของคุณ ให้จำไว้เลยว่าความสำเร็จ มีอยู่ในการทำงานหนักและการเรียนรู้จากประสบการณ์ โดยมีความมุ่งมั่นและความมุ่งหมายที่แน่วแน่ จินขอส่งกำลังใจและอวยพรให้โชคดีในการเริ่มต้นการทำธุรกิจของคุณค่ะ
ติดตามเนื้อหาดีๆเพิ่มเติมได้ที่
Facebook
https://www.facebook.com/JinFreedomlifeExpert
website&blog
https://jinmommyonline.com/
https://onlinemystore.co/
Podcast
https://spoti.fi/3DmMT6u
TikTok
https://www.tiktok.com/@jin589
พูดคุย สอบถาม ทักทายได้ที่
https://lin.ee/XPhgJyQ
สำหรับใครที่สนใจในแนวทางการเขียน ซึ่งเป็น 1 ใน Digital products สร้างธุรกิจที่ไม่ต้องมีหน้าร้าน จินขออนุญาติแนะนำคอร์สที่จินตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดความรู้ในเรื่องของการเขียนเพื่อสร้างรายได้และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในธุรกิจต่างๆได้ ในคอร์ส “เขียน ขาย ต้นทุน 0 บาท” เพื่อเป็นไกด์นำทางนะคะ สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือมีคำถามและต้องการปรึกษา สามารถพูดคุยทักทายกันได้ที่ปุ่มด้านล่างนี้ค่ะ
7 สิ่งที่ต้องรู้ก่อน เริ่มต้นธุรกิจสำหรับมือใหม่ Read More »
ในโลกของธุรกิจ ไม่ใช่แค่การหาลูกค้า แต่มันเกี่ยวกับการปลูกฝังความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนซึ่งขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนป้อนมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า (CLV) คือตัวชี้วัดที่นอกเหนือไปจากธุรกรรมระยะสั้นและมุ่งเน้นไปที่มูลค่าระยะยาวของลูกค้าค่ะ
ในบทความนี้ เราจะสำรวจแนวคิดของมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า ความสำคัญ และวิธีที่จะสามารถปฏิวัติกลยุทธ์ทางธุรกิจของคุณเพื่อเพิ่มผลกำไรสูงสุดและส่งเสริมความภักดีของลูกค้า เพื่อให้ประสบความสำเร็จนั้นเราจะต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจเพิ่มเติมอะไรบ้าง เราไปดูกันเลยค่ะ
มูลค่าตลอดช่วงชีวิตของลูกค้าคือเมตริกที่วัดมูลค่ารวมของลูกค้าตลอดช่วงระยะเวลาที่ลูกค้ามีความสัมพันธ์กับธุรกิจของคุณ ไม่เพียงแต่คำนึงถึงรายได้ที่เกิดจากการซื้อครั้งแรกเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงรายได้ที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อซ้ำ การขายต่อยอด และการอ้างอิงหรือการบอกต่ออีกด้วย เมื่อเข้าใจคุณค่าที่แท้จริงที่ลูกค้ามอบให้กับธุรกิจของคุณ คุณจะสามารถทำการตัดสินใจอย่างรอบรู้มากขึ้นเกี่ยวกับการตลาด การรักษาลูกค้า และการจัดสรรทรัพยากรให้เกิดประโยชน์ได้ดียิ่งขึ้นค่ะ
ตัวเลขสำคัญอีกตัวหนึ่ง ที่นักธุรกิจและนักการตลาดใช้ประเมินและวัดประสิทธิภาพการทำธุรกิจคือ Customer Lifetime Value (CLV) หรือ Lifetime Value of Customer (LVC) ซึ่งตัวเลขตัวนี้ไม่มีสูตรคำนวณ เพราะ CLV คือมูลค่าตลอดช่วงชีวิตของลูกค้าคนหนึ่งที่มีต่อสินค้าหรือแบรนด์
ถ้าลูกค้าของคุณ เลือกซื้อโลชั่นจากคุณและซื้อซ้ำทุกๆ 3 เดือน นั่นแปลว่า ถ้าลูกค้าท่านนี้ไม่เปลี่ยนไปซื้อโลชั่นจากที่อื่นเลยจนเสียชีวิต คุณจะสามารถหาตัวเลข CLV จากลูกค้าคนนี้ได้ไม่ยาก
เหตุผลที่ต้องประเมินหามูลค่าแบบช่วงชีวิต (Lifetime) ก็เพื่อที่จะได้สามารถบอกได้ว่า ลูกค้า 1 คนโดยเฉลี่ยแล้ว จะมีมูลค่ากับสินค้า แบรนด์ หรือบริษัทมากเท่าไหร่ตลอดช่วงชีวิตของเขา ทำให้บริษัทสามารถประเมินหาตัวเลขงบประมาณที่เหมาะสมในการจ่ายเพื่อหาลูกค้าใหม่รวมถึงงบประมาณที่เหมาะสมในการจ่ายเพื่อเก็บรักษาลูกค้าเก่าได้
แม้ว่าจะมีหลายวิธีในการคำนวณ CLV แต่สูตรที่ใช้กันทั่วไปคือ:
[perfectpullquote align=”full” bordertop=”false” cite=”” link=”” color=”#ff0000″ class=”” size=”36″]CLV = (มูลค่าการซื้อเฉลี่ย) x (ความถี่ในการซื้อ) x (อายุการใช้งานของลูกค้า)[/perfectpullquote]
ก. มูลค่าการซื้อเฉลี่ย: หมายถึงจำนวนเงินเฉลี่ยที่ลูกค้าใช้ในการซื้อแต่ละครั้ง คำนวณโดยการหารรายได้ทั้งหมดที่เกิดขึ้นด้วยจำนวนการซื้อ
ข. ความถี่ในการซื้อ: หมายถึงความถี่ที่ลูกค้าทำการซื้อภายในระยะเวลาที่กำหนด คำนวณโดยการหารจำนวนการซื้อทั้งหมดด้วยจำนวนลูกค้าที่ไม่ซ้ำ
ค. อายุขัยของลูกค้า: หมายถึงระยะเวลาโดยเฉลี่ยที่ลูกค้ายังคงมีส่วนร่วมกับธุรกิจของคุณ สามารถกำหนดได้โดยการวิเคราะห์ข้อมูลในอดีตหรือทำการประมาณการตามเกณฑ์มาตรฐานอุตสาหกรรม
ดังนั้นตัวเลข CLV มักจะถูกหยิบขึ้นมาพูดถึงพร้อมๆ กับตัวเลข Customer Acquisition Cost (CAC) และ Cost per Acquisition (CPA) อยู่เสมอ เพราะมันมีความสัมพันธ์กันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และนักลงทุนใน Startup บางคนก็บ้าตัวเลขกลุ่มนี้มากกว่าตัวเลขกำไรด้วยซ้ำ
ก่อนทำตลาดสินค้าในมือ… ลองพิจารณา CLV ให้ละเอียด นอกจากจะเห็นตัวเลขหลายตัวช่วยตัดสินใจทางการตลาดแล้ว หลายกรณีสามารถค้นหากลยุทธ์ที่เหมาะสมได้อย่างไม่ยากเย็นเลยค่ะ
การทำความเข้าใจและใช้ประโยชน์จากมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้าจะก่อให้เกิดประโยชน์มากมายสำหรับธุรกิจของคุณดังนี้
ก. การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์: CLV ให้ข้อมูลเชิงลึกที่เป็นแนวทางในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ ด้วยการระบุลูกค้าที่มีมูลค่าสูง คุณสามารถจัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์การรักษาลูกค้า และปรับแต่งความพยายามทางการตลาดของคุณเพื่อกำหนดเป้าหมายกลุ่มลูกค้าที่คล้ายกัน
ข. การเพิ่มประสิทธิภาพทางการตลาด: CLV ช่วยให้คุณระบุช่องทางการตลาดและแคมเปญที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อดึงดูดและรักษาลูกค้าที่มีมูลค่าสูง ด้วยการมุ่งความสนใจไปที่ช่องทางที่ให้ CLV สูงสุด คุณสามารถเพิ่มประสิทธิภาพงบประมาณการตลาดและเพิ่ม ROI ได้สูงสุด
ค. การรักษาลูกค้า: เมื่อเข้าใจ CLV คุณจะสามารถระบุโอกาสในการเพิ่มความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้าได้ ด้วยการดูแลความสัมพันธ์กับลูกค้า การให้บริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยม และการนำเสนอประสบการณ์ส่วนบุคคล คุณสามารถยืดอายุลูกค้าและเพิ่ม CLV ได้
ง. การขายต่อยอดและการขายต่อเนื่อง: CLV เน้นโอกาสในการขายต่อยอดและการขายต่อเนื่องให้กับลูกค้าปัจจุบัน ด้วยการวิเคราะห์ประวัติการซื้อและความชอบ คุณสามารถปรับแต่งข้อเสนอและคำแนะนำที่ตรงเป้าหมาย ซึ่งจะเป็นการเพิ่ม CLV โดยรวมของพวกเขา
เพื่อเพิ่ม CLV และเพิ่มความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว ให้พิจารณาใช้กลยุทธ์ต่อไปนี้:
ก. การปรับให้เป็นส่วนตัว: สำหรับลูกค้าแล้วใครๆก็ชอบความเป็น VIP การปรับแต่งการโต้ตอบและข้อเสนอของคุณให้ตรงกับความชอบ ความต้องการ และประวัติการซื้อของลูกค้าแต่ละราย ประสบการณ์ส่วนบุคคลสร้างความรู้สึกมีคุณค่าและส่งเสริมความภักดี ทำให้โอกาสการซื้อซ้ำมีเพิ่มมากขึ้นค่ะ
ข. ความเป็นเลิศด้านการบริการลูกค้า: ลงทุนในบริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยมเพื่อสร้างความไว้วางใจและความภักดี การตอบข้อสงสัยให้กับลูกค้าทันท่วงที จัดการกับข้อกังวลของลูกค้าทันที จัดหาโซลูชันที่มีประสิทธิภาพ และดำเนินการให้เหนือความคาดหมาย
ค. โปรแกรมความภักดี: ใช้โปรแกรมความภักดีที่ให้รางวัลแก่ลูกค้าที่มีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง เสนอส่วนลดพิเศษ จัดโปรโมชั่นพิเศษ ลดแลกแจกแถม หรือสิทธิประโยชน์วีไอพีเพื่อจูงใจให้ซื้อซ้ำและบอกต่อ
ง. คำติชมและการมีส่วนร่วมของลูกค้า: แสวงหาความคิดเห็นของลูกค้าอย่างจริงจังและมีส่วนร่วมในการสื่อสารแบบสองทาง แบบสำรวจ บทวิจารณ์ และการโต้ตอบทางโซเชียลมีเดียให้ข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าสำหรับการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ บริการ และประสบการณ์โดยรวมของลูกค้านะคะ
Customer Lifetime Value (CLV) มูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้าเป็นเมตริกที่มีประสิทธิภาพซึ่งช่วยให้ธุรกิจเปลี่ยนโฟกัสจากการได้รับในระยะสั้นไปสู่ความสำเร็จในระยะยาว ด้วยการทำความเข้าใจคุณค่าที่แท้จริงที่ลูกค้าจะมอบให้ตลอดช่วงชีวิตของพวกเขา ธุรกิจต่างๆ สามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลเป็นหลัก จัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และจัดทำกิจกรรมส่งเสริมความภักดีของลูกค้า ด้วยการใช้กลยุทธ์ที่ยกระดับ CLV เช่น การปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับแต่ละบุคคล การบริการลูกค้าที่เป็นเลิศ โปรแกรมความภักดี และการมีส่วนร่วมอย่างจริงจัง ธุรกิจต่างๆ สามารถปลดล็อคการเติบโตอย่างยั่งยืนและวางตำแหน่งตัวเองเพื่อความสำเร็จระยะยาวในตลาดที่มีการแข่งขันสูง
ดูจะออกแนววิชาการซักนิด แต่อยากให้นำเอาไปปรับใช้กันนะคะ ติชมแนะนำหรืออยากปรึกษาทักทายกันมาได้ค่ะ
ติดตามเนื้อหาดีๆเพิ่มเติมได้ที่
Facebook
https://www.facebook.com/JinFreedomlifeExpert
website&blog
https://jinmommyonline.com/
https://onlinemystore.co/
Podcast
https://spoti.fi/3DmMT6u
TikTok
https://www.tiktok.com/@jin589
พูดคุย สอบถาม ทักทายได้ที่
https://lin.ee/XPhgJyQ
สำหรับใครที่สนใจในแนวทางการเขียน ซึ่งเป็น 1 ใน Digital products จินขออนุญาติแนะนำคอร์สที่จินตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดความรู้ในเรื่องของการเขียนเพื่อสร้างรายได้ ในคอร์ส “เขียน ขาย ต้นทุน 0 บาท” เพื่อเป็นไกด์นำทางนะคะ สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือมีคำถามและต้องการปรึกษา สามารถพูดคุยทักทายกันได้ที่ปุ่มด้านล่างนี้ค่ะ
Customer Lifetime Value (CLV) สู่ความสำเร็จของผลกำไรในระยะยาว Read More »
จากคำถามของพี่ๆน้องๆหลายๆคนที่ติดตามเพจของจิน ถามมาว่าทำ ebooks เสร็จแล้วจะส่งขายที่ไหนคะ/ครับ ซึ่งจริงๆแล้วรายละเอียดในเนื้อหาในคอร์สจึงบอกไว้หมดเรียบร้อยแล้ว แต่ถามมากันค่อนข้างเยอะ
เลยอยากมาสรุปให้พี่ๆน้องๆที่ติดตามทางหน้าเพจ facebook ได้อ่านกันอีกที ซึ่งที่จินจะสรุปนี้อาจจะไม่ใช่ทั้งหมดแต่เป็นที่นิยมทำกันในปัจจุบันค่ะ เรามาดูกันเลยว่ามีที่ไหนบ้าง
หากจะถามหาแหล่งซื้อหนังสือออนไลน์ เชื่อได้ว่า ookbee น่าจะเป็นที่คุ้นหูของใครๆหลายคน ในส่วนของ ookbee สามารถเข้าถึงได้ทั้งทางคอมพิวเตอร์หรือ notebook และโทรศัพท์มือถือ อีกทั้งยังมีแอพพลิเคชั่นทั้ง android และ iPhone อีกด้วย หนังสือของ ookbee แบ่งหมวดหมู่ย่อยหลากหลายประเภทของหนังสือ
ซึ่งในส่วน ookbee นั้นยังเปิดช่องทางให้นักเขียนและสามารถส่ง e-book ของตนเองไปวางที่ร้านได้ด้วย
เป็นอีกแหล่งหนึ่งที่เราจะเขียนเอาหนังสือไปวางขายซึ่งก็มีนักเขียนนำหนังสือ e-book ไปวางขายกันเป็นจำนวนมาก แต่สำหรับงานเขียนที่เป็นนิยายดูจะเป็นแหล่งที่นักเขียนให้ความสนใจเอาไปวางขายกันเป็นจำนวนมาก ดังจะเห็นได้ว่าเมื่อเราเข้าไปในหน้าแรกของเว็บไซต์เราจะเห็นในส่วนของนิยายที่จะแสดงอยู่ในหน้าแรก หากจะเข้าไปค้นหาหนังสืออื่นๆต้องไปเข้าที่หมวดหมู่ ดังนั้นในส่วนของ mebmarket.com คงจะต้องพิจารณาในเรื่องของเนื้อหาและหมวดหมู่ที่จะส่งขาย อย่างไรก็ตามก็ถือว่าเป็นแหล่งขาย ebook ที่มีผู้สนใจเข้าไปซื้อเป็นจำนวนมาก
ในยุคที่ต้องปรับเปลี่ยน กับการขายบนออนไลน์ร้านหนังสือเองก็เข้าสู่การปรับเปลี่ยนด้วยเหมือนกัน เหมือนอย่างเช่นร้านหนังสือนายอินทร์ที่เปิดตลาดการขายหนังสือออนไลน์ นอกจากนี้ก็ยังเปิดรับนักเขียนหน้าใหม่ ที่ต้องการพาตัวเองเข้ามาสู่วงการนักเขียนโดยสามารถลงทะเบียนได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
ในส่วนของตัวเว็บไซต์ของ naiin เองก็มีหมวดหมู่ที่หลากหลายโดยเฉพาะในส่วนของ e-book ซึ่งมีเป็นจำนวนมากหากใครสนใจลองเข้าไปในเว็บไซต์และเยี่ยมชมดูก่อนได้เลยค่ะ
สำหรับในส่วนของคอหนังสือ คงจะไม่มีใครไม่รู้จักในส่วนของร้านหนังสือซีเอ็ด ซึ่งในส่วนของร้านปัจจุบันก็ยังมีขายหนังสือที่เป็น Book Shop แบบที่มีหน้าร้าน และในปัจจุบันก็ไม่พลาดในส่วนแบ่งของร้านหนังสือออนไลน์ด้วยเช่นกัน สำหรับนักเขียนที่อยากส่งงาน E Bookขาย ร้านซีเอ็ดเองก็เปิดรับสมัครนักเขียนใหม่ๆ ถึงแม้ว่าจะเริ่มต้น รับนักเขียนหน้าใหม่ช้ากว่าเพื่อนๆเขาแต่ก็ถือว่ามาช้าแต่ก็มานะ ในส่วนของลิงค์การรับสมัครคลิกตามหัวข้อของร้านได้เลยค่ะหรือคลิกตามรูปภาพได้เลยนะคะ
ในส่วนของการฝากวางขายตามร้านขายหนังสือออนไลน์ นักเขียนต้องยอมรับในเรื่องของส่วนแบ่งในการขาย ซึ่งจะขึ้นอยู่กับแต่ละร้านค้าที่ได้กำหนดสัดส่วนของการขายไว้ ซึ่งสัดส่วนของการขายนี้แต่ละที่จะไม่เท่ากันและอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดตามระยะเวลา ดังนั้นจินจะไม่ได้นำรายละเอียดของการรับค่าตอบแทนของร้านต่างๆมานำเสนอให้นะคะ
การเปิดเพจใน Facebook เพื่อวางขาย e-book เป็นสิ่งที่จินอยากจะแนะนำค่ะ เพราะในส่วนของรายได้จะขึ้นอยู่กับตัวของเราเอง ซึ่งในการขายในเพจ Facebook นั้น สิ่งที่จินอยากจะแนะนำก็คืออยากให้นักเขียนสร้างแบรนด์ไปพร้อมๆกับการทำ Content อย่างต่อเนื่อง ทริคเล็กๆก็คือความมีวินัยและการเรียนรู้เพิ่มเติมในสิ่งใหม่ๆ เราอาจจะต้องเรียนรู้ในเรื่องของการโฆษณาทาง Facebook เพิ่มเติมซึ่งก็ไม่ได้ยากจนเกินไป จินเชื่อว่าเพื่อนๆทำได้ค่ะ
พอเอ่ยคำว่าสร้างเว็บไซต์เพื่อนๆหลายคนอาจจะพากันคิดไปล่วงหน้าว่ายาก แต่จริงๆแล้วการสร้างเว็บไซต์สมัยนี้ไม่ได้ยากจนเกินไปค่ะ ซึ่งเว็บไซต์สมัยนี้เราสามารถมีเว็บไซต์ได้ในราคา 1,XXX บาทต้นๆ ต่อปี (บางทีไปทานอาหารครั้งหนึ่งยังหมดมากกว่าเลยค่ะ🤣🤣🤣) และการทำก็กึ่งๆสำเร็จรูปไม่ได้ยากเกินความสามารถเพื่อนๆจริงๆนะคะ นอกจากนี้เรายังหารายได้จากเว็บไซต์ด้วยการเผยแพร่บทความและเพิ่มเติมในส่วนของ Google adsense ได้อีกด้วยค่ะ
การขายใน marketplace ที่เป็นที่นิยมก็จะมีในส่วนของ shopee Lazada หรือ kaidee.com ฯลฯ โดยเฉพาะใน shopee Lazada เองร้านหนังสือหรือสำนักพิมพ์ต่างๆก็ไปเปิดขายกันมากมาย ในส่วนของ marketplace นั้นตัวเราเองเป็นเจ้าของร้าน ดังนั้นส่วนแบ่งรายได้จึงมีแค่เปอร์เซ็นต์เพียงเล็กน้อยที่ marketplace ต่างๆจะหักเป็นส่วนของค่าใช้จ่าย ซึ่งก็อาจจะได้สัดส่วนรายรับที่มากกว่าร้านหนังสือ อย่างไรก็ตาม เราอาจจะต้องทำการโปรโมท เพื่อให้คนเข้าถึงร้านค้าของเราได้มากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ
เป็นช่องทางใหม่ที่หลายๆคนเริ่มเอาสินค้าจำพวกหนังสือหรือแม้กระทั่ง e-book นำไปวางขาย ซึ่งใน tiktok เราอาจจะต้องมีพื้นฐานในเรื่องของการทำ Short Video และเพิ่มเติมในส่วนของการทำ Content หรือการค้นหาแฮชแท็ก และสิ่งสำคัญที่ต้องมีคือการรักษาวินัยในการทำ content อย่างต่อเนื่อง และพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา
นอกจากมองในตลาดบ้านเราแล้ว หากใครมีพื้นฐานภาษาต่างประเทศในส่วนของตลาดต่างประเทศก็ดูเป็นเรื่องที่น่าสนใจมิใช่น้อย ตลาดใหญ่ๆก็คงจะหนีไม่พ้น Amazon Kindle Direct Publishing (KDP): Amazon KDP ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับการเผยแพร่ ebook ด้วยตนเอง คุณสามารถรับค่าลิขสิทธิ์สูงถึง 70% จากการขาย ebook ได้ ส่วนของแพลตฟอร์มออนไลน์อื่นๆ เช่น Barnes & Noble Press, Kobo Writing Life, Google Play Books, Apple Books, Smashwords, Gumroad และ BookBaby เป็นต้น แต่ละแพลตฟอร์มนั้นจะมีกฎเกณฑ์และเงื่อนไขที่แตกต่างกันไป ดังนั้นควรศึกษาและเลือกใช้แพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณและสินค้าของคุณด้วยค่ะ
สำหรับการวางขาย ebook ที่ได้กล่าวมาเบื้องต้นนี้ เป็นในส่วนของตลาดที่เป็นที่นิยม ซึ่งจริงๆอาจจะมีมากกว่านี้แต่จินขอยกตัวอย่างมาเพียงเท่านี้ก่อนนะคะ สำหรับการวางขายก็ไม่ได้มีข้อจำกัดหรือข้อห้ามใดๆ เราสามารถลงวางขายได้ทุกช่องทางทุกแพลตฟอร์มพร้อมๆกันได้เลยค่ะ
อ่านมาถึงตอนนี้แล้วเพื่อนๆพร้อม หรือยังกับการเปลี่ยนความรู้เพื่อมาเป็นรายได้ด้วยการเขียน e-book ขอบคุณที่ติดตามและอ่านมาจนถึงบรรทัดสุดท้ายนี้นะคะ
ติดตามเนื้อหาดีๆเพิ่มเติมได้ที่
Facebook
https://www.facebook.com/JinFreedomlifeExpert
website&blog
https://jinmommyonline.com/
https://onlinemystore.co/
Podcast
https://spoti.fi/3DmMT6u
TikTok
https://www.tiktok.com/@jin589
พูดคุย สอบถาม ทักทายได้ที่
https://lin.ee/XPhgJyQ
สำหรับใครที่สนใจในแนวทางการเขียน ซึ่งเป็น 1 ใน Digital products จินขออนุญาติแนะนำคอร์สที่จินตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดความรู้ในเรื่องของการเขียนเพื่อสร้างรายได้ ในคอร์ส “เขียน ขาย ต้นทุน 0 บาท” เพื่อเป็นไกด์นำทางนะคะ สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือมีคำถามและต้องการปรึกษา สามารถพูดคุยทักทายกันได้ที่ปุ่มด้านล่างนี้ค่ะ
ขายebookที่ไหนดี ชี้เป้า 9แหล่งส่งขาย ebook Read More »
7 ไอเดียช่องทางสร้างรายได้ด้วยคอนเทนต์วิดีโอ Read More »