Business

writter skill

9 ทักษะที่นักเขียนต้องมีในปี 2025

writter skill

9 ทักษะที่นักเขียนต้องมีในปี 2025

ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การเขียนไม่ใช่แค่การนำความคิดลงบนกระดาษอีกต่อไป …

9 ทักษะที่นักเขียนต้องมีในปี 2025 Read More »

ComfortZone​ ชีวิตใหม่เริ่มต้นที่ Comfort Zone สิ้นสุดลงพร้อมวิธีแก้

Comfort Zone เป็นสภาวะที่เรา
รู้สึกปลอดภัย สบายใจ และไม่มีความเสี่ยง
.
ในเมื่อ Comfort Zone คือโซนสบายแล้ว
จะฝึกเปลี่ยนแปลงตัวเราเองทำไม?
ก็ชอบผลลัพธ์ ​แบบนี้ไหม?
✅ รู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิต
✅​ ใช้ชีวิตแบบรูทีนซ้ำ ๆ ทุกวัน
✅ ไร้เป้าหมายใหม่ที่ท้าทาย
✅ ชีวิตวน loop เดิมๆ ทำสิ่งเดิม ๆ
✅​ พยายามน้อย /ไม่พยายามเรียนรู้ทักษะใหม่
✅ ขาดแรงจูงใจในการพัฒนาตัวเอง
✅​ รู้สึกไม่อยากเรียนรู้หรือปรับปรุงอะไรในชีวิต
✅ #มีข้ออ้างจนเป็นนิสัย ไม่มีเงิน, ไม่มีเวลา ยุ่งมากๆ, ไม่รู้ๆทำไม่ได้ ทำไม่เป็น…
บลา..
บลา..
.
.
จินเคยปลอยให้ตัวเองดำดิ่ง
ไปกับความสบายใจปลอมๆ ในโซนสบาย
ของตัวเองมาก่อน… ผ่านข้ออ้างนา นา
มาเชคไปด้วยกันคุณมีไหม?
.
” ไม่อยากเปลี่ยนอะไรทั้งนั้น มันดีละ ”
” ฉันเป็นของฉันแบบนี้แหละ ”
“ฉันทำแบบนี้มาตลอด และมันก็โอเคอยู่แล้ว”
“เดี๋ยวค่อยทำวันหลัง ผัดวันประกันพรุ่งเป็นนิสัย เพราะกลัวการเริ่มต้น”
“ถ้าฉันทำแล้วมันล้มเหลวล่ะ?”
กลัวความล้มเหลวมากจนไม่ยอมลงมือทำ
ไม่กล้าเปลี่ยนแปลง แม้สิ่งใหม่อาจดีกว่า
.
.
บลา บลา… สาระพัดจะยกเหตุผล​มาให้ตัวเองสบายใจที่จะอยู่ใน ComfortZone ต่อไป
ก็ไม่ผิดนะ [ นั่น!! 🤣​ มีเหตุผลจนได้.. 😂]​
.
.
[ ไงคะ…? ใช่ค่ะ…]​ ก่อนจะหยุด
จินเคยสุดมาก่อนเหมือนกัน 🤣🤣​
.
.
🚩 วิธีทลาย Comfort Zone #ฉบับส่วนตัว
1.เริ่มที่ #อนุญาติให้ตัวเองเปลี่ยนแปลง
.
2. #อะไรที่เป็นทักษะแปลว่าฝึกได้ ฉันฝึกได้
พกติดตัวไว้ พูดกับตัวเอง เมื่อเจอความกลัวใหม่ๆ ความท้าทายใหม่ในระหว่างทางทำเป้าหมาย
.
3 .ยอมรับ โอบกอดกับความกลัวที่มี และขอบคุณที่มาเตือนให้ระวัง แต่ไม่เคยปล่อยให้มันมาหยุดความฝัน ความหวังในอนาคต ด้วยการยกเหตุผล​ดีไ( ข้ออ้างทั้งนั้น)​ข้างต้นมาเป็นพวกได้สำเร็จ

4.นับทุกความก้าวหน้า เล็กๆน้อยๆก็นับ เก็บเป็นความภูมิใจ ความสุขที่เราเอาชนะตัวเองคนเก่า เมื่อวานได้แล้ว 1 วัน
.
เพราะ การเปลี่ยนแปลง ความเปลี่ยนแปลง​
ไม่ได้เกิดขึ้นในวันเดียว บางอย่าง บางทักษะ บางเรื่อง เคลื่อนที่เปลี่ยนแปลงช้าแทบมองไม่เห็นการเคลื่อนที่ไม่ต่างจากเข็มนาฬิกาบอก ชม..

.
แต่ก็นั่นแหละค่ะ
การ #ฝึกเปลี่ยนแปลง​เป็นทักษะ
แปลว่า ฝึกได้ และผลลัพธ์​ของมันน่าจะคุ้มกว่าอยู่ใน ComfortZone​ ​ไม่มากก็น้อย จริงไหมคะ?
.
5.ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน (SMART Goals)
ลงมือทำตามแผนที่วางไว้เป็นแผนแรกก่อน ไม่ปรับเปลี่ยนกลางอากาศ​ เพราะหลงเข้า ComfortZone​ ของตัวเอง
.
.
ฝึกตั้งคำถามกับตัวเอง…
ถ้าฉันไม่เปลี่ยนสิ่งนี้ [ นิสัยแย่ๆ เดิมๆ]​
ฉันจะเสียโอกาสใหม่ๆ อะไรบ้าง?
.
ฉันจะดีขึ้นเรื่อง…….. ใน…… วัน/เดือน/ปี
ฉันต้องทำอะไร, ทำอย่างไร, ใครช่วยฉันได้บ้าง [ ถ้ามันทำแล้วเกินกำลัง ]​
.
.
6.ระวังเรื่องการใช้เวลาพูดคุย
แลกเปลี่ยนมุมมอง ไอเดียกับคนที่มี FixMindset​ สุดโต่ง เสียเวลาทั้งคู่ค่ะ
.
#กรณีนักเรียนบางคนคุยกันครั้ง, 2 ครั้งไม่ไหว… จินคืนค่าคอร์ส​ก็มีค่ะ เพราะมันเสียเวลาเราทั้งคู่ [ จะมาดึงเชือก ชักกะเย้อกันทำไม]​ 55 55
.
.
7.ใช้เวลาคุณภาพกับตัวเอง อ่านหนังสือ สวดมนต์​นั่งสมาธิ ไปออกกำลังกาย หรือไปเดินเที่ยว ดูหนัง ร้องคาราโอเกะ​ ว่าไป… ค่ะ
.
.
8.เพิ่มพูนทักษะใหม่ ที่ยังไม่มั่นใจหรืออยากมี อยากทำเป็นด้วยการหาพี่เลี้ยง หาครู หรือหาคอร์ส​เรียน/หนังสือมาเรียนเพิ่ม… ปีหน้า 2025 คอร์สการเงินการลงทุนต้องเข้าละ
แบบนี้เป็นต้นค่ะ
.
.
มีใครอ่านมาถึงตรงนี้บ้างไหมคะ
(ยาวมากกก)​ จริงๆแล้วโพสต์​นี้
เขียนไว้จะเตรียมอัดคลิปค่ะ
.
เช้านี้ ยืมมาโพสต์​เป็นบทความก่อน
ละกันค่ะ 55555
___

ทุกการเปลี่ยนแปลง​ หรือไม่เปลี่ยนแปลง
มีผลลัพธ์​รออยู่เสมอ คุณเชื่อไหม?
.
.
ด้วยรักและส่งพลังค่ะ
I’mJin

 

 

 

ComfortZone​ ชีวิตใหม่เริ่มต้นที่ Comfort Zone สิ้นสุดลงพร้อมวิธีแก้ Read More »

อีบุ๊คเป็นทรัพย์สิน​ หรือสินทรัพย์​

Ebook สามารถเป็นทั้ง สินทรัพย์ (Asset) และ ทรัพย์สิน (Property) ได้ ขึ้นอยู่กับมุมมองและวิธีการใช้งาน:


1. Ebook ในฐานะ “สินทรัพย์” (Asset)

  • สร้างรายได้: Ebook ที่คุณสร้างและขายผ่านแพลตฟอร์ม เช่น Amazon Kindle, Facebook, หรือเว็บไซต์ส่วนตัว สามารถสร้างรายได้ต่อเนื่อง (Passive Income) ซึ่งถือว่าเป็นสินทรัพย์ทางธุรกิจ
  • เพิ่มมูลค่า: Ebook ที่ประสบความสำเร็จสามารถนำไปต่อยอดเป็นคอร์สออนไลน์, เวิร์กชอป, หรือสินค้าดิจิทัลอื่นๆ ได้
  • มีความสามารถในการขยายตลาด: Ebook สามารถทำให้คุณเข้าถึงผู้อ่านได้ทั่วโลกโดยไม่มีต้นทุนการจัดส่ง

2. Ebook ในฐานะ “ทรัพย์สิน” (Property)

  • ทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property): เนื้อหาใน Ebook ที่คุณเขียนขึ้นเองถือเป็นลิขสิทธิ์ของคุณ ซึ่งคุณสามารถจดลิขสิทธิ์เพื่อปกป้องสิทธิ์การใช้งาน
  • สามารถซื้อ-ขายสิทธิ์ได้: คุณสามารถขายลิขสิทธิ์ให้ผู้อื่นหรือให้สิทธิ์เช่าใช้งานได้ เช่น การให้สำนักพิมพ์นำไปจัดพิมพ์หรือแปลเป็นภาษาอื่น
  • ถาวรและสามารถส่งต่อได้: ลิขสิทธิ์ Ebook สามารถโอนให้ลูกหลานหรือขายต่อในกรณีที่คุณเลิกธุรกิจ

สรุป

Ebook เป็นทั้ง “สินทรัพย์” และ “ทรัพย์สิน” ในเวลาเดียวกัน เพราะมันมีคุณสมบัติในการสร้างรายได้และยังเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่สามารถต่อยอดหรือส่งต่อได้ หากจัดการอย่างเหมาะสม Ebook สามารถเป็นรากฐานของธุรกิจดิจิทัลที่ยั่งยืน. 

อีบุ๊คเป็นทรัพย์สิน​ หรือสินทรัพย์​ Read More »

Fix Mindset คืออะไร?

Fix Mindset เป็นอุปสรรคใหญ่ในการปิดกั้นการเติบโต
“Fix Mindset” หมายถึงความเชื่อที่ว่าความสามารถและศักยภาพของตนเองเป็นสิ่งตายตัว เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เช่น คิดว่า “ฉันไม่เก่งเลข” หรือ “ฉันไม่มีความคิดสร้างสรรค์” ทัศนคติเช่นนี้เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเติบโตส่วนบุคคลและความสำเร็จในระยะยาว เนื่องจากทำให้เราไม่กล้าทดลองสิ่งใหม่ๆ ไม่พยายามพัฒนาตนเอง และมักมองความล้มเหลวเป็นความล้มเหลวถาวร แทนที่จะมองว่าเป็นโอกาสเรียนรู้

ผลกระทบของ Fix Mindset

  1. ขาดความมั่นใจ: ไม่กล้าทำสิ่งที่ยากเพราะกลัวล้มเหลว
  2. ไม่พัฒนา: ปิดกั้นการเรียนรู้และไม่เปิดรับความคิดเห็นใหม่
  3. เกิดความเครียด: เพราะมองว่าความสำเร็จคือสิ่งที่ต้องพิสูจน์ตัวตน
  4. ความสัมพันธ์เสียหาย: เนื่องจากไม่สามารถเปิดใจกับคำวิจารณ์หรือการสนับสนุน

วิธีแก้ไข Fix Mindset

  1. ปรับมุมมองเป็น Growth Mindset
    • มองว่าความสามารถและทักษะสามารถพัฒนาได้ผ่านการฝึกฝนและความพยายาม
    • แทนที่จะคิดว่า “ฉันทำไม่ได้” ให้คิดว่า “ฉันยังทำไม่ได้ แต่จะพยายามจนสำเร็จ”
  2. ยอมรับความล้มเหลว
    • มองความล้มเหลวเป็นบทเรียน และตั้งคำถามว่า “ฉันจะเรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้ได้บ้าง?”
    • ชื่นชมกระบวนการ ไม่ใช่แค่ผลลัพธ์ เช่น ภูมิใจกับความพยายาม แม้จะยังไม่สำเร็จ
  3. ฝึกทัศนคติที่ดีต่อการเรียนรู้
    • ทดลองสิ่งใหม่ๆ แม้จะไม่แน่ใจในความสามารถ
    • อ่านหนังสือหรือรับฟังแรงบันดาลใจจากคนที่ประสบความสำเร็จ
  4. ล้อมรอบตัวด้วยคนที่มี Growth Mindset
    • สร้างเครือข่ายกับคนที่สนับสนุนและเชื่อมั่นในการพัฒนาตนเอง
    • ขอคำปรึกษาจากคนที่มีทัศนคติบวก
  5. ตั้งเป้าหมายเล็กๆ
    • เริ่มจากการตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้ เช่น ลองเรียนรู้สิ่งใหม่ใน 1 วัน และค่อยๆ ขยายไปยังเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้น
    • ฉลองความสำเร็จเล็กๆ เพื่อเสริมกำลังใจ
  6. เปลี่ยนคำพูดกับตัวเอง
    • จาก “ฉันไม่เก่ง” เป็น “ฉันกำลังเรียนรู้และพัฒนา”
    • หลีกเลี่ยงการใช้คำที่ตัดสินตัวเอง เช่น “ฉันแย่มาก” หรือ “ฉันไม่มีวันเปลี่ยนได้”

สรุป: การเอาชนะ Fix Mindset ต้องเริ่มจากการเปลี่ยนมุมมองและเชื่อมั่นว่าการเติบโตเป็นไปได้ ความพยายามและความล้มเหลวคือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ หากฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง คุณจะสามารถสร้าง Growth Mindset และเปิดประตูสู่ศักยภาพใหม่ๆ ในชีวิต

Fix Mindset คืออะไร? Read More »

เขียนบทความ

แปลงความรู้สู่รายได้: 5 ตลาดดิจิทัลที่คุณควรรู้

เขียนบทความ

แปลงความรู้สู่รายได้: 5 ตลาดดิจิทัลที่คุณควรรู้

คุณเคยคิดไหมว่าสิ่งที่คุณรู้ สิ่งที่คุณถนัด ประสบการณ์ที่คุณสั่งสม และสิ่งที่คุณรักที่จะทำ สามารถแปลงเป็นรายได้ได้อย่างไร? ในโลกปัจจุบันที่เต็มไปด้วยโอกาสทางธุรกิจออนไลน์ ความรู้ ความถนัด ประสบการณ์ และสิ่งที่คุณรักสามารถกลายเป็นแหล่งรายได้ที่มั่นคงได้ โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนมากมาย เพียงแค่คุณรู้จักวิธีการนำเสนอและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม วันนี้จินจะพาเพื่อนๆพี่ๆน้องๆมาดูกันว่า  เราสามารถสร้างรายได้จากความรู้ของเราได้อย่างไรบ้าง จินจะพาไปหาคำตอบกันค่ะ!

ในบทความนี้ จินจะพาคุณไปรู้จักกับ 5 ตลาดดิจิทัลที่จะช่วยให้คุณสามารถนำความรู้และความสามารถของคุณมาสร้างรายได้ได้อย่างหลากหลาย พร้อมทั้งแนะนำวิธีการเริ่มต้นที่ทำได้ง่ายๆ แม้คุณจะเป็นมือใหม่ในวงการก็ตาม พร้อมแล้วเราไปทำความรู้จักกับ ตลาดดิจิตัลกันได้เลยค่ะ

เขียนบทความ

ตลาดดิจิตัล 5 ตลาดหลักที่น่าสนใจ

ebook

1. ตลาดคนชอบอ่าน: อีบุ๊ค (E-book) คือคำตอบ

## อีบุ๊คคืออะไร?

อีบุ๊ค หรือหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ คือไฟล์ดิจิทัลที่สามารถอ่านได้บนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน โดยทั่วไปมักอยู่ในรูปแบบไฟล์ PDF ซึ่งเป็นที่นิยมเพราะเปิดอ่านได้ง่ายและรักษารูปแบบการจัดหน้าได้ดี

### ทำไมต้องเขียนอีบุ๊ค?

  1. **ต้นทุนต่ำ**: ไม่ต้องพิมพ์เป็นเล่ม ประหยัดค่าใช้จ่าย
  2. **เข้าถึงง่าย**: ผู้อ่านสามารถดาวน์โหลดได้ทันทีที่ซื้อ
  3. **แก้ไขง่าย**: สามารถอัปเดตเนื้อหาได้ตลอดเวลา
  4. **ขยายฐานลูกค้า**: เข้าถึงผู้อ่านได้ทั่วโลก

### วิธีเริ่มต้นเขียนและขายอีบุ๊ค

  1. **เลือกหัวข้อ**: นำความรู้และประสบการณ์ของคุณมาเขียน
  2. **วางโครงเรื่อง**: จัดระเบียบเนื้อหาให้น่าอ่านและเข้าใจง่าย
  3. **เขียนเนื้อหา**: ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย ตรงประเด็น
  4. **ออกแบบและจัดรูปเล่ม**: สร้างหน้าปกที่ดึงดูด จัดวางเนื้อหาให้น่าอ่าน
  5. **แปลงเป็นไฟล์ PDF**: ใช้โปรแกรมเช่น Microsoft Word หรือ Adobe Acrobat,Foxit ฯลฯ
  6. **เลือกช่องทางขาย**:

– ขายเองผ่านโซเชียลมีเดีย

– ฝากขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Amazon Kindle, Ookbee และฯลฯ

– สร้างเว็บไซต์ของตัวเองเพื่อขาย

audio book

2.ตลาดคนชอบฟัง: ออดิโอบุ๊ค (Audiobook) เสียงสร้างเงิน

### ทำไมออดิโอบุ๊คถึงมาแรง?

– **ความสะดวก**: ฟังได้ทุกที่ทุกเวลา แม้ขณะทำกิจกรรมอื่น

– **ประหยัดเวลา**: เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาอ่านหนังสือ

– **อารมณ์และความรู้สึก**: การฟังเสียงสามารถถ่ายทอดอารมณ์ได้ดีกว่าการอ่าน

### วิธีสร้างออดิโอบุ๊ค

  1. **เตรียมบทพูด**: อาจใช้เนื้อหาจากอีบุ๊คที่มีอยู่แล้ว หรือเขียนขึ้นใหม่
  2. **เตรียมอุปกรณ์**: ไมโครโฟนคุณภาพดี และโปรแกรมบันทึกเสียง
  3. **ฝึกการอ่าน**: ฝึกออกเสียงให้ชัดเจน มีจังหวะการพูดที่น่าฟัง
  4. **บันทึกเสียง**: อัดในห้องที่เงียบ ไม่มีเสียงรบกวน
  5. **ตัดต่อและปรับแต่ง**: ใช้โปรแกรมตัดต่อเสียงเพื่อให้ได้คุณภาพที่ดี
  6. **แปลงไฟล์**: เปลี่ยนเป็นไฟล์เสียงที่ใช้งานได้ทั่วไป เช่น MP3

 

### ช่องทางการขาย

– แพลตฟอร์มออดิโอบุ๊ค เช่น Ookbee, marketplace ฯลฯ

– เว็บไซต์ส่วนตัว

– แอพพลิเคชันมือถือ

– CD หรือ USB (สำหรับลูกค้าบางกลุ่ม)

คอร์สออนไลน์

3.ตลาดคนชอบดูและฟัง: คอร์สออนไลน์ สอนง่าย เรียนสนุก(Online Course)

สำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์การเรียนรู้แบบครบวงจร คอร์สออนไลน์เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม คุณสามารถนำความรู้ของคุณมาสร้างเป็นบทเรียนวิดีโอ พร้อมกับเอกสารประกอบและแบบฝึกหัดต่างๆได้

### ทำไมคอร์สออนไลน์ถึงเป็นที่นิยม?

– **ยืดหยุ่น**: ผู้เรียนสามารถเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา

– **ประหยัด**: ไม่ต้องเดินทาง ประหยัดค่าใช้จ่าย

– **หลากหลาย**: มีหลักสูตรให้เลือกมากมาย

– **ทบทวนได้**: สามารถดูซ้ำได้ไม่จำกัด

 

### วิธีสร้างคอร์สออนไลน์

  1. **กำหนดหัวข้อ**: เลือกเรื่องที่คุณเชี่ยวชาญและมีความต้องการในตลาด
  2. **วางโครงสร้างหลักสูตร**: แบ่งเนื้อหาเป็นบทเรียนย่อยๆ
  3. **เตรียมสื่อการสอน**: สไลด์ เอกสารประกอบ แบบฝึกหัด
  4. **ถ่ายวิดีโอ**: ใช้กล้องคุณภาพดี เน้นแสงและเสียงที่ชัดเจน
  5. **ตัดต่อวิดีโอ**: ใช้โปรแกรมตัดต่อเพื่อให้วิดีโอน่าสนใจ
  6. **สร้างระบบการเรียน**: อาจใช้แพลตฟอร์มสำเร็จรูปหรือสร้างเว็บไซต์เอง

 

### ช่องทางการขายคอร์สออนไลน์

  1. **แพลตฟอร์มคอร์สออนไลน์**: เช่น Udemy, Skillshare และฯลฯ
  2. **เฟซบุ๊กกลุ่มปิด**: สร้างห้องเรียนออนไลน์ง่ายๆ
  3. **เว็บไซต์ส่วนตัว**: ใช้ระบบ LMS (Learning Management System)
  4. **YouTube**: สร้างรายได้จากโฆษณาและการสมัครสมาชิก
  5. **TikTok**: สร้างซีรีส์สอนสั้นๆ แล้วลิงก์ไปยังคอร์สเต็ม
digital product

4.ตลาดคนชอบความเป็นส่วนตัว: โค้ชชิ่งส่วนตัว ใกล้ชิด เข้าถึงง่าย

(One-on-One Coaching)

### ทำไมต้องเป็นโค้ชส่วนตัว?

– **ปรับแต่งได้**: สามารถปรับการสอนให้เหมาะกับแต่ละบุคคล

– **ผลลัพธ์รวดเร็ว**: ผู้เรียนได้รับคำแนะนำโดยตรง ทำให้พัฒนาได้เร็ว

– **สร้างความสัมพันธ์**: เกิดความไว้วางใจระหว่างโค้ชและผู้เรียน

– **ราคาสูง**: สามารถตั้งราคาได้สูงกว่าการสอนกลุ่ม

### วิธีเริ่มต้นเป็นโค้ชส่วนตัว

  1. **กำหนดความเชี่ยวชาญ**: เลือกหัวข้อที่คุณมีความรู้ลึกซึ้ง
  2. **สร้างโปรแกรมการโค้ช**: ออกแบบแผนการสอนที่ยืดหยุ่นได้
  3. **กำหนดรูปแบบการโค้ช**: เช่น การคุยผ่านวิดีโอคอล, การพบหน้า, หรือการแชทออนไลน์
  4. **ตั้งราคา**: พิจารณาจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของคุณ
  5. **สร้างสัญญาหรือข้อตกลง**: เพื่อความชัดเจนในการทำงานร่วมกัน

 

### ช่องทางการหาลูกค้าโค้ชชิ่งส่วนตัว

– โซเชียลมีเดียส่วนตัว (LinkedIn, Facebook, Instagram)

– เว็บไซต์ส่วนตัว

– การบอกต่อจากลูกค้าเดิม

– แพลตฟอร์ม Market place ฯลฯ

5.ตลาดคนชอบสังคม: สัมมนาและเวิร์คช็อป สร้างคอนเนคชั่น เพิ่มมูลค่า

### ทำไมสัมมนาและเวิร์คช็อปยังคงได้รับความนิยม?

– **การมีปฏิสัมพันธ์**: ผู้เข้าร่วมได้พบปะและแลกเปลี่ยนประสบการณ์

– **การเรียนรู้แบบเข้มข้น**: เรียนรู้ได้มากในเวลาอันสั้น

– **สร้างเครือข่าย**: โอกาสในการสร้างคอนเนคชั่นทางธุรกิจ

– **ประสบการณ์ตรง**: ได้เห็น ได้ลองทำจริง ซึ่งช่วยให้เข้าใจได้ดียิ่งขึ้น

### วิธีจัดสัมมนาและเวิร์คช็อป

  1. **เลือกหัวข้อ**: ต้องน่าสนใจและตรงกับความต้องการของตลาด
  2. **กำหนดรูปแบบ**: ออนไลน์, ออฟไลน์, หรือแบบผสม
  3. **วางแผนเนื้อหา**: สร้างหลักสูตรที่ครอบคลุมและน่าสนใจ
  4. **เตรียมสื่อและอุปกรณ์**: สไลด์, เอกสารประกอบ, อุปกรณ์สำหรับกิจกรรม
  5. **หาสถานที่หรือแพลตฟอร์ม**: สำหรับการจัดงาน
  6. **ทำการตลาด**: ประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่างๆ
  7. **เตรียมทีมงาน**: สำหรับช่วยดูแลและจัดการงาน

### ช่องทางการขายสัมมนาและเวิร์คช็อป

– เว็บไซต์ส่วนตัว

– แพลตฟอร์มขายตั๋วออนไลน์ เช่น Eventbrite

– โซเชียลมีเดีย Facebook , Instagram , tiktok ฯลฯ

– การร่วมมือกับองค์กรหรือบริษัทต่างๆ ,วิทยากรรับเชิญ

สรุป

การเปลี่ยนความรู้และความสามารถที่คุณมีให้เป็นรายได้ เป็นโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจในยุคดิจิทัล ด้วยการใช้กลยุทธ์ที่หลากหลายผ่าน 5 ตลาดหลัก คุณสามารถสร้างแหล่งรายได้ที่หลากหลายและยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นอีบุ๊ค ออดิโอบุ๊ค คอร์สออนไลน์ การโค้ชชิ่งส่วนตัว หรือการจัดสัมมนา แต่ละช่องทางมีข้อดีและความท้าทายที่แตกต่างกันสิ่งสำคัญคือการเริ่มต้นจากสิ่งที่คุณรู้และรัก พัฒนาความเชี่ยวชาญอย่างต่อเนื่อง และมุ่งมั่นที่จะสร้างคุณค่าให้กับผู้อื่น [perfectpullquote align=”full” bordertop=”false” cite=”” link=”” color=”#FFA500″ class=”” size=”26″]
การสร้างธุรกิจจากความรู้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณมีรายได้เท่านั้น แต่ยังเป็นการแบ่งปันประสบการณ์และช่วยเหลือผู้อื่นให้เติบโตและประสบความสำเร็จด้วย [/perfectpullquote]

### คำแนะนำสุดท้าย

การเริ่มต้นอาจไม่ง่าย แต่ด้วยความมุ่งมั่นและความต่อเนื่อง คุณสามารถสร้างธุรกิจจากความรู้และความเชี่ยวชาญของคุณได้ จำไว้ว่า ทุกคนมีความรู้และประสบการณ์ที่มีค่า เพียงแค่คุณต้องรู้จักนำมันออกมาใช้ให้เป็นประโยชน์
(ททท….ทำทันที) เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ แล้วคุณจะพบว่า การแบ่งปันความรู้ไม่เพียงแต่สร้างรายได้ แต่ยังช่วยพัฒนาตัวคุณเองและสร้างคุณค่าให้กับผู้อื่นอีกด้วย ขอให้โชคดีในการเริ่มต้นธุรกิจดิจิทัลของคุณค่ะ!

ขายอะไรดี

แปลงความรู้สู่รายได้: 5 ตลาดดิจิทัลที่คุณควรรู้ Read More »

5 เว็บไซต์ สร้างรายได้จากงานเขียนออนไลน์ฟรี

5 เว็บไซต์ สร้างรายได้จากงานเขียนออนไลน์ฟรี

การเขียน เป็นทักษะที่ฝึกได้
และใช้เป็น 1 ในวิธีที่ดีในการหารายได้เสริม
พัฒนาทักษะการเขียน และสร้างผลงาน
ลองสมัครสมาชิกเว็บไซต์ รับงานเขียนออนไลน์ เริ่มต้นเขียนบทความ และสร้างรายได้จากงานเขียนของคุณ
จาก 5 เว็บ​ไซต์​นี้ที่จินเอามาฝากค่ะ

รายได้จากงานเขียน

1.TrueID in-trend: เว็บไซต์สำหรับเขียนบทความออนไลน์หลากหลายประเภท สมัครสมาชิกฟรี เขียนบทความได้เงินจริง เริ่มต้น 50 บาทต่อบทความ

https://creators.trueid.net/

.

2. Blockdit: แพลตฟอร์มสำหรับเขียนบทความและแชร์ความรู้ สมัครสมาชิกฟรี เขียนบทความได้เงินจริง รายได้จากโฆษณาและการสนับสนุนจากผู้อ่าน

https://www.blockdit.com/faqs
.
3.Fastwork: เว็บไซต์รับงานฟรีแลนซ์หลากหลายประเภท รวมถึงงานเขียน สมัครสมาชิกฟรี เสนอราคาและรับงานเขียนตามทักษะ

https://fastwork.co/
.
4.Ookbee​ : สมัครสมาชิกฟรี เว็บไซต์รับฝากงานเขียน Ebook​ ขายได้รับค่าคอมมิชชั่นเมื่อมีผู้อ่านซื้อสินค้า

https://writer.ookbee.com/

.
5.Content Shifu: เว็บไซต์สำหรับนักเขียนมือใหม่ สมัครสมาชิกฟรี ฝึกเขียนบทความ รับคำติชมจากนักเขียนมืออาชีพ พัฒนาทักษะการเขียน
https://contentshifu.com/become-shifu-writer

สุดท้ายที่อยากจะบอก..

ทริคสำคัญ คือ ฝึกฝีมือการเขียนให้สม่ำเสมอ
ดี /ไม่ดี… ขอความสม่ำเสมอมาก่อนเลย …..ขอให้สนุกกับการเขียน สร้างรายได้ค่ะ
____

สนใจคอร์ส​เรียน #เขียนขาย สร้างรายได้ด้วยทุน 0 บาท ในคอร์ส​สอนตั้งแต่เริ่มต้นการเรียนจนเอาไปขาย หรือสร้างรายได้ทุกช่องทางค่ะ
รายละเอียด ทักมาพูดคุยได้ค่ะ
https://lin.ee/QfIKyVb
____

ด้วยรักและส่งพลัง
โค้ชจิน
#DigitalProductExpert​
หน้าที่จิน คือ ช่วยคุณเปลี่ยนความรู้เป็นรายได้ด้วย #DigitalProduct​ หรือทักษะที่คุณมี❤️

5 เว็บไซต์ สร้างรายได้จากงานเขียนออนไลน์ฟรี Read More »

เริ่มต้นธุรกิจ

7 สิ่งที่ต้องรู้ก่อน เริ่มต้นธุรกิจสำหรับมือใหม่

เริ่มต้นธุรกิจ

7สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเริ่มต้นธุรกิจ

ความฝันของการเป็นเจ้าของธุรกิจเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้น เย้ายวน คือความฝันของใครๆหลายคนที่จะทำให้คุณเป็นเจ้าของชีวิตของตัวเอง แต่ก่อนที่คุณจะเข้าสู่โลกธุรกิจ มีความสำคัญที่คุณควรรู้เกี่ยวกับการเริ่มต้นในธุรกิจ ด้วยเหตุนี้จินเองได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ 7 สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนที่จะเริ่มต้นในธุรกิจของคุณ ฉบับคัดย่อ มาฝากเพื่อนๆพี่ๆน้องๆไว้ดังนี้ค่ะ

1.การวางแผนธุรกิจ

การวางแผนเป็นขั้นตอนสำคัญในการเริ่มต้นในธุรกิจ เริ่มจากการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและกำหนดกลยุทธ์ที่เหมาะสมในการเติบโตและประสบความสำเร็จในอนาคต การวางแผนจะช่วยให้คุณเตรียมพร้อมกับอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตและเป็นแนวทางสำหรับการดำเนินธุรกิจในระยะยาว
มีเครื่องมือหลายชนิดที่ช่วยให้การวางแผนธุรกิจเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยบางเครื่องมือจะช่วยให้คุณวางแผนการเติบโตของธุรกิจของคุณในระยะยาว และบางเครื่องมือจะช่วยให้คุณวางแผนโครงการและกิจกรรมต่างๆ ด้วยเครื่องมือที่มีมากมาย จินจึงของยกตัวอย่างซัก 2-3 ชนิดดังนี้ค่ะ

  1. SWOT Analysis: เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ SWOT ช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคของธุรกิจของคุณได้อย่างชัดเจน
  2. Business Model Canvas: เครื่องมือ Business Model Canvas ช่วยให้คุณสร้างแผนธุรกิจของคุณได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้กระดาษและปากกาเพื่อสร้างแผนธุรกิจของคุณ
  3. Customer Persona: เครื่องมือ Customer Persona ช่วยให้คุณสร้างโปรไฟล์ลูกค้าเพื่อใช้ในการวางแผนการตลาดและการพัฒนาผลิตภัณฑ์
  4. Marketing Plan: เครื่องมือ Marketing Plan ช่วยให้คุณวางแผนการตลาดของธุรกิจของคุณโดยรวมถึงการวิเคราะห์ตลาด กลยุทธ์การตลาด และแผนการตลาด
เครื่องมือแต่ละแบบก็จะเหมาะสมกับธุรกิจแต่ละประเภท ลองศึกษาและใช้เครื่องมือเหล่านี้จัดทำแผนธุรกิจขึ้นมาเพื่อกำหนดเป็นแนวทางดูนะคะ
เริ่มต้นธุรกิจ

2.การศึกษาตลาด

การเข้าใจตลาดเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ คุณควรศึกษาและวิเคราะห์ตลาดเพื่อทราบถึงความต้องการของลูกค้าและคู่แข่งในอุตสาหกรรมที่คุณกำลังเข้าสู่ ในการศึกษาตลาด คุณสามารถรวบรวมข้อมูลโดยใช้วิธีต่าง ๆ เช่นการสำรวจลูกค้าเป้าหมาย การศึกษาคู่แข่งและการวิเคราะห์ข้อมูลตลาดเพื่อนำมาปรับแผนธุรกิจของคุณให้เหมาะสมตามแต่ละตลาด

การศึกษาและวิเคราะห์ตลาดเป็นขั้นตอนสำคัญในการวางแผนการตลาดของธุกิจ เพื่อให้เข้าใจลักษณะของตลาดและกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ โดยปกติแล้ว การศึกษาและวิเคราะห์ตลาดจะประกอบด้วยขั้นตอนดังนี้
  1. วิเคราะห์ตลาด: การวิเคราะห์ตลาดเป็นการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆช่น ข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมาย คูแข่ง แลแนวโน้มของตลาด เพื่อให้เข้าใจลักษณะของตลาดและกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ
  2. วิเคราะห์ SWOT: การวิเคราะห์ SWOT เป็นการวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคของธุรกิจ เพื่อให้เข้าใจแนวโน้มของตลาดและกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ
  3. วิเคราะห์คู่แข่ง: การวิเคราะห์คู่แข่งเป็นการศึกษาและวิเคราะห์คู่แข่งในตลาด เพื่อให้เข้าใจแนวโน้มของตลาดและกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ
  4. วิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า: เพื่อให้เข้าใจว่าลูกค้าต้องการอะไรและวิธีการที่ดีที่สุดในการตอบสนองความต้องของลูกค้า
  5. ปัจจัยอื่นๆ เช่นการศึกษาและวิเคราะห์ปัจจัยภายนอกที่อาจมีผลต่อธุรกิจ เช่น การเมือง สังคม สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี เพื่อให้เข้าใจแนวโน้มของตลาดและกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ
การศึกษาและวิเคราะห์ตลาดเป็นขั้นตอนสำคัญในการวางแผนการตลาดของธุรกิจ โดยเฉพาะในยุคนี้เราสามารถนำเอาเทคโนโลยีและกระบวนการใหม่ๆ เช่น การใช้ข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย และการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยเทคโนโลยี AI จะช่วยให้การศึกษาและวิเคราะห์ตลาดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้นค่ะ

3.การจัดการทรัพยากร

การจัดการทรัพยากรเป็นสิ่งสำคัญที่คุณควรพิจารณาเมื่อเริ่มต้นในธุรกิจ รวมถึงการจัดหาทรัพยากรที่จำเป็นเช่นเงินทุน, แรงงาน, และวัสดุอุปกรณ์ คุณต้องคำนึงถึงการจัดการทรัพยากรให้เหมาะสมและประหยัดทรัพยากรในการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้ธุรกิจของคุณสามารถเติบโตได้อย่างเหมาะสม   ตัวอย่างของการจัดการทรัพยากรในการเริ่มต้นในธุรกิจได้แก่

  1. การวางแผนงบประมาณ: การวางแผนงบประมาณเป็นสิ่งสำคัญในการจัดการทรัพยากร เพราะจะช่วยให้เราสามารถวางแผนการใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการวางแผนงบประมาณจะต้องคำนึงถึงรายได้และรายจ่ายของธุรกิจ
  2. การจัดการเวลา: การจัดการเวลาเป็นสิ่งสำคัญในการจัดการทรัพยากร เพราะเวลาเป็นสิ่งที่มีจำกัด ดังนั้น การวางแผนการใช้เวลาให้เหมาะสมจะช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  3. การจัดการทรัพยากรบุคคล: การจัดการทรัพยากรบุคคลเป็นสิ่งสำคัญในการเริ่มต้นในธุรกิจ เพราะบุคคลเป็นสิ่งที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจ ดังนั้น การวางแผนการจัดการทรัพยากรบุคคลเพื่อให้ได้บุคคลที่มีความสามารถและเหมาะสมกับธุรกิจจะช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  4. การจัดการทรัพยากรการเงิน: การจัดการทรัพยากรการเงินเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการจัดการทรัพยากรการเงินเป็นสิ่งที่จำป็นต้องทำให้ดีเพื่อให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  5. การจัดการทรัพยากรเทคโนโลยี: การจัดการทรัพยากรเทคโนโลยีเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในยุคนี้ตัวช่วยทางด้านเทคโนโลยีมีมากมาย เช่น AI ต่างๆ ซึ่งเราสามารถนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาเป็นตัวช่วยซึ่งจะสามารถประหยัดทั้งเวลาและต้นทุนได้อีกด้วยค่ะ ดังนั้น การวางแผนการจัดการทรัพากรเทคโนโลยีเพื่อให้ได้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับธุรกิจจะช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพนะคะ

4.การทำการตลาด( Marketing )

การทำการตลาดเป็นกระบวนการสำคัญที่จะช่วยให้คุณสร้างความรู้จักกับลูกค้าและเพิ่มยอดขายสินค้าหรือบริการของคุณ คุณควรพิจารณาเกี่ยวกับกลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจของคุณ เช่นการใช้สื่อโฆษณาออนไลน์, การสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจบนสื่อสังคมออนไลน์ และวิธีการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว ด้วยการทำการตลาดในยุคปัจจุบันนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และด้วยเหตุผลที่มีการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการซื้อขายของผู้บริโภค และการเปลี่ยนแปลงในเทคโนโลยีและการสื่อสาร ดังนั้น การทำการตลาดในยุคปัจจุบันจะต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ดังต่อไปนี้

  1. การใช้สื่อสังคมออนไลน์: การใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นสิ่งสำคัญในการทำการตลาดในยุคปัจจุบัน เนื่องจากผู้บริโภคมีการใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นประจำ ดังนั้น การใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการทำการตลาดจะช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  2. การใช้ข้อมูล: การใช้ข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญในการทำการตลาดใยุคปัจจุบัน เนื่องจากการใช้ข้อมูลจะช่วยให้ธุรกิจสามารถวิเคราะห์และปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  3. การใช้โซเชียลมีเดีย: การใช้โซเชียลมีเดียเป็นสิ่งสำคัญในการทำการตลาดในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น facebook , youtube , tiktok , Line ,Pinterest ฯลฯ เนื่องจากโซเชียลมีเดียเป็นช่องทางที่ดีในการสื่อสารกับลูกค้า และช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  4. การใช้การตลาดดิจิทัล: การใช้การตลาดดิจิทัลเป็นสิ่งสำคัญในการทำการตลาดในยุคปัจจุบัน เนื่องจากการตลาดดิจิทัลเป็นช่องทางที่ดีในการเชื่อมต่อกับลูกค้า และช่วยให้ธุรกิจสามารถวิเคราะห์และปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  5. การใช้การตลาดทางโทรทัศน์: การใช้การตลาดทางโทรทัศน์ยังเป็นสิ่งสำคญในการทำการตลาดในยุคปัจจุบัน เนื่องจากการตลาดทางโทรทัศน์เป็นช่องทางที่ดีในการสื่อสารกับลูกค้าที่อยู่นอกพื้นที่ที่ห่างไกลเทคโนโลยี และช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วยค่ะ
การทำการตลาดในยุคปัจจุบันต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ เพื่อให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการตลาดในยุคนี้ต้องคอยติดตามข่าวสารอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนะคะ
เริ่มต้นธุรกิจ

5.การจัดการด้านการเงิน

การเพิ่มกำไรและการจัดการเงินเป็นสิ่งสำคัญในธุรกิจ คุณควรมีการวางแผนการเงินที่ดีและรอบคอบเพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างยั่งยืน คุณควรคำนึงถึงรายรับและรายจ่าย การกำหนดราคาสินค้าหรือบริการที่เหมาะสม การบริหารจัดการเงินให้มีประสิทธิภาพ และการเตรียมค่าใช้จ่ายสำหรับอุปกรณ์ การตลาด และการขยายธุรกิจในอนาคต การจัดการด้านการเงินสำหรับธุรกิจใหม่จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ที่เราควรวางแผนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพสามารถช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตและประสบความสำเร็จ การจัดการด้านการเงินสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ ทำอย่างไรจินขอให้คำแนะนำดังนี้ค่ะ

  1. จัดทำงบประมาณ: กำหนดงบประมาณสำหรับรายได้และรายจ่ายของธุรกิจ ตั้งเป้าหมายรายได้และควบคุมค่าใช้จ่ายให้เหมาะสม
  2. วางแผนเงินทุน: คำนึงถึงแหล่งเงินทุนที่ต้องการสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจ สามารถเป็นเงินทุนส่วนตัว สินเชื่อธุรกิจ หรือการหาผู้ร่วมลงทุน
  3. จัดการเงินสด: ติดตามและควบคุมเงินสดของธุรกิจอย่างใกล้ชิด ให้ความสำคัญกับการวางแผนเงินสดและการคืนเงิน(สินเชื่อ)ให้เป็นไปตามกำหนด
  4. ตั้งราคาสินค้าหรือบริการ: วิเคราะห์ต้นทุนและกำหนดราคาสินค้าหรือบริการให้เหมาะสม อย่าลืมคำนึงถึงค่าคอมมิชชั่น ส่วนลด และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
  5. วางแผนภาษี: ทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายภาษีและวิธีการปฏิบัติตามกฎหมาย หากจำเป็นให้ปรึกษาที่ปรึกษาภาษีหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน
  6. จัดการความเสี่ยง: วิเคราะห์ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับธุรกิจของคุณ และวางแผนเพื่อลดความเสี่ยงเหล่านั้น
  7. ติดตามและประเมินผล: ติดตามและวิเคราะห์ผลการดำเนินงานของธุรกิจ ปรับปรุงแผนการเงินตามความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์
  8. สร้างทีมงานด้านการเงินที่มีความสามารถ: คัดเลือกบุคคลากรที่มีความสามารถในด้านการเงิน เช่น นักบัญชี ผู้จัดการการเงิน หรือที่ปรึกษาด้านการเงิน
    การจัดการด้านการเงินอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถรับมือกับความท้าทายและเติบโตอย่างยั่งยืนค่ะ
เริ่มต้นธุรกิจ

6.การบริหารจัดการเวลา

การบริหารจัดการเวลาเป็นองค์ประกอบสำคัญในการเริ่มต้นธุรกิจ คุณต้องมีความรอบรู้ในการวางแผนเวลาให้เหมาะสม เพื่อให้คุณสามารถจัดการกับงานต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างเช่นการตั้งเป้าหมายสำหรับงานต่าง ๆ, การกำหนดลำดับความสำคัญของงาน และการใช้เครื่องมือช่วยในการจัดการเวลา เพื่อให้คุณสามารถใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด

การบริหารจัดการเวลาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ประกอบการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ การใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณสามารถทำงานได้มากขึ้นในระยะเวลาที่กำหนด ขอให้คำแนะนำดังนี้:

  1. ตั้งเป้าหมายและกำหนดลำดับความสำคัญ: กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและเหมาะสมสำหรับธุรกิจของคุณ จัดลำดับความสำคัญของงานตามความสำคัญและความเร่งด่วน
  2. วางแผนการทำงาน: จัดทำตารางเวลาสำหรับการทำงาน แบ่งงานให้เป็นช่วงเวลาที่สั้น ๆ และกำหนดเวลาสำหรับการพักผ่อน
  3. กำหนดเวลาสำหรับตัวเอง: ให้เวลาสำหรับการพักผ่อน การออกกำลังกาย และการสัมผัสกับครอบครัวและเพื่อน ๆ เพื่อให้คุณมีสมดุลในชีวิต
  4. หลีกเลี่ยงการสะสมงาน: พยายามทำงานให้เสร็จตามกำหนดเวลา หลีกเลี่ยงการสะสมงานที่อาจทำให้คุณรู้สึกว่ามีภาระงานมากเกินไป
  5. ใช้เทคนิคการจัดการเวลา: ใช้เทคนิคต่าง ๆ เช่น วิธี Pomodoro หรือการจัดการงานแบบ Getting Things Done (GTD) เพื่อช่วยให้คุณทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
  6. ปฏิเสธซะบ้าง สามารถบอกคำว่า “ไม่” ได้: เรียนรู้วิธีการปฏิเสธที่เกี่ยวกับงานหรือคำขอที่ไม่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายหลักของธุรกิจของคุณบ้างนะคะ
  7. ใช้เครื่องมือและเทคโนโลยี: ใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีเพื่อช่วยในการจัดการเวลา เช่น แอปพลิเคชันสำหรับการจัดการงาน การตั้งเตือน หรือการสื่อสารออนไลน์
  8. ประเมินผลและปรับปรุง: ติดตามและประเมินผลการทำงานของคุณ หากพบว่ามีปัญหาในการจัดการเวลา ให้ปรับปรุงและปรับตัวเพื่อให้ดียิ่งขึ้น

การบริหารจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณสามารถทำงานได้มากขึ้นและสามารถรับมือกับความท้าทายในการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ในแต่ละวันได้อย่างทรงพลังเลยค่ะ

เริ่มต้นธุรกิจ

7.การพัฒนาตนเอง

เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเริ่มต้นธุรกิจ การพัฒนาตนเองเพื่อเตรียมความพร้อมในการเผชิญหน้ากับความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในธุรกิจ คุณควรพัฒนาทักษะทางธุรกิจและทักษะการเจริญเติบโตส่วนตัว เช่น การสื่อสาร, การนำทีม, การแก้ไขปัญหา, และการคิดอย่างสร้างสรรค์  การพัฒนาตนเองมีความสำคัญในการเริ่มต้นธุรกิจด้วยหลายเหตุผลดังต่อไปนี้ค่ะ :

  1. เสริมสร้างทักษะและความรู้: การเรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ ๆ จะช่วยให้คุณสามารถรับมือกับความท้าทายในธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น ความรู้ในด้านการบริหารจัดการ การเงิน การตลาด และเทคโนโลยีสามารถช่วยให้คุณนำธุรกิจของคุณสู่ความสำเร็จ
  2. สร้างความมั่นใจ: การพัฒนาตนเองช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในการตัดสินใจและการปฏิบัติงาน ความมั่นใจนี้จะส่งผลให้คุณสามารถนำทีมและสร้างความไว้วางใจในลูกค้าและคู่ค้าได้ดีขึ้น
  3. ส่งเสริมการปรับตัว: การเรียนรู้และพัฒนาตนเองช่วยให้คุณสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีใหม่ ๆ หรือการเปลี่ยนแปลงในตลาดจะช่วยให้ธุรกิจของคุณยั่งยืน เพราะยุคนี้สมัยนี้เทคโนโลยีทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วกว่าเดิมนะคะ
  4. สร้างความสามารถในการแก้ปัญหา: การพัฒนาตนเองช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์ปัญหาและหาวิธีแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความสามารถในการแก้ปัญหาเป็นสิ่งสำคัญในการนำธุรกิจของคุณสู่ความสำเร็จ
  5. ส่งเสริมการสื่อสาร: การพัฒนาทักษะการสื่อสารจะช่วยให้คุณสามารถสื่อสารกับลูกค้า คู่ค้า และพนักงานของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ การสื่อสารที่ดีเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในธุรกิจ
  6. ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต: การมีทัศนคติที่เปิดใจต่อการเรียนรู้ใหม่ ๆ จะช่วยให้คุณสามารถปรับปรุงและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง การเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความแข็งแกร่งของธุรกิจในยุคที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
ดังนั้น การพัฒนาตนเองเป็นสิ่งสำคัญในการเริ่มต้นธุรกิจ เพราะจะช่วยให้คุณสามารถรับมือกับความท้าทาย ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ และนำธุรกิจของคุณสู่ความสำเร็จในระยะยาวค่ะ

การเริ่มต้นในธุรกิจเป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็ให้ผลตอบแทนคุ้มค่ามาก หากคุณมีไอเดียดีๆ และเต็มใจที่จะทำงานหนัก คุณก็สามารถบรรลุความฝันในการเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเองได้

เมื่อคุณเริ่มต้นในธุรกิจของคุณ ให้จำไว้เลยว่าความสำเร็จ มีอยู่ในการทำงานหนักและการเรียนรู้จากประสบการณ์ โดยมีความมุ่งมั่นและความมุ่งหมายที่แน่วแน่ จินขอส่งกำลังใจและอวยพรให้โชคดีในการเริ่มต้นการทำธุรกิจของคุณค่ะ

ติดตามเนื้อหาดีๆเพิ่มเติมได้ที่

Facebook
https://www.facebook.com/JinFreedomlifeExpert

website&blog
https://jinmommyonline.com/
https://onlinemystore.co/

Podcast
https://spoti.fi/3DmMT6u

TikTok
https://www.tiktok.com/@jin589

พูดคุย สอบถาม ทักทายได้ที่
https://lin.ee/XPhgJyQ

สำหรับใครที่สนใจในแนวทางการเขียน ซึ่งเป็น 1 ใน Digital products สร้างธุรกิจที่ไม่ต้องมีหน้าร้าน จินขออนุญาติแนะนำคอร์สที่จินตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดความรู้ในเรื่องของการเขียนเพื่อสร้างรายได้และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในธุรกิจต่างๆได้ ในคอร์ส “เขียน ขาย ต้นทุน 0 บาท” เพื่อเป็นไกด์นำทางนะคะ สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่  หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือมีคำถามและต้องการปรึกษา สามารถพูดคุยทักทายกันได้ที่ปุ่มด้านล่างนี้ค่ะ

เพิ่มเพื่อน

7 สิ่งที่ต้องรู้ก่อน เริ่มต้นธุรกิจสำหรับมือใหม่ Read More »

Customer Lifetime Value

Customer Lifetime Value (CLV) สู่ความสำเร็จของผลกำไรในระยะยาว

Customer Lifetime Value (CLV) สู่ความสำเร็จของผลกำไรในระยะยาว

Customer Lifetime Value

ในโลกของธุรกิจ ไม่ใช่แค่การหาลูกค้า แต่มันเกี่ยวกับการปลูกฝังความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนซึ่งขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนป้อนมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า (CLV) คือตัวชี้วัดที่นอกเหนือไปจากธุรกรรมระยะสั้นและมุ่งเน้นไปที่มูลค่าระยะยาวของลูกค้าค่ะ
ในบทความนี้ เราจะสำรวจแนวคิดของมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า ความสำคัญ และวิธีที่จะสามารถปฏิวัติกลยุทธ์ทางธุรกิจของคุณเพื่อเพิ่มผลกำไรสูงสุดและส่งเสริมความภักดีของลูกค้า เพื่อให้ประสบความสำเร็จนั้นเราจะต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจเพิ่มเติมอะไรบ้าง เราไปดูกันเลยค่ะ

1.การทำความเข้าใจมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า:

มูลค่าตลอดช่วงชีวิตของลูกค้าคือเมตริกที่วัดมูลค่ารวมของลูกค้าตลอดช่วงระยะเวลาที่ลูกค้ามีความสัมพันธ์กับธุรกิจของคุณ ไม่เพียงแต่คำนึงถึงรายได้ที่เกิดจากการซื้อครั้งแรกเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงรายได้ที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อซ้ำ การขายต่อยอด และการอ้างอิงหรือการบอกต่ออีกด้วย เมื่อเข้าใจคุณค่าที่แท้จริงที่ลูกค้ามอบให้กับธุรกิจของคุณ คุณจะสามารถทำการตัดสินใจอย่างรอบรู้มากขึ้นเกี่ยวกับการตลาด การรักษาลูกค้า และการจัดสรรทรัพยากรให้เกิดประโยชน์ได้ดียิ่งขึ้นค่ะ

ตัวเลขสำคัญอีกตัวหนึ่ง ที่นักธุรกิจและนักการตลาดใช้ประเมินและวัดประสิทธิภาพการทำธุรกิจคือ Customer Lifetime Value (CLV) หรือ Lifetime Value of Customer (LVC) ซึ่งตัวเลขตัวนี้ไม่มีสูตรคำนวณ เพราะ CLV คือมูลค่าตลอดช่วงชีวิตของลูกค้าคนหนึ่งที่มีต่อสินค้าหรือแบรนด์

Customer Lifetime Value

ถ้าลูกค้าของคุณ เลือกซื้อโลชั่นจากคุณและซื้อซ้ำทุกๆ 3 เดือน นั่นแปลว่า ถ้าลูกค้าท่านนี้ไม่เปลี่ยนไปซื้อโลชั่นจากที่อื่นเลยจนเสียชีวิต คุณจะสามารถหาตัวเลข CLV จากลูกค้าคนนี้ได้ไม่ยาก

เหตุผลที่ต้องประเมินหามูลค่าแบบช่วงชีวิต (Lifetime) ก็เพื่อที่จะได้สามารถบอกได้ว่า ลูกค้า 1 คนโดยเฉลี่ยแล้ว จะมีมูลค่ากับสินค้า แบรนด์ หรือบริษัทมากเท่าไหร่ตลอดช่วงชีวิตของเขา ทำให้บริษัทสามารถประเมินหาตัวเลขงบประมาณที่เหมาะสมในการจ่ายเพื่อหาลูกค้าใหม่รวมถึงงบประมาณที่เหมาะสมในการจ่ายเพื่อเก็บรักษาลูกค้าเก่าได้

2.การคำนวณมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า:

แม้ว่าจะมีหลายวิธีในการคำนวณ CLV แต่สูตรที่ใช้กันทั่วไปคือ:

[perfectpullquote align=”full” bordertop=”false” cite=”” link=”” color=”#ff0000″ class=”” size=”36″]CLV = (มูลค่าการซื้อเฉลี่ย) x (ความถี่ในการซื้อ) x (อายุการใช้งานของลูกค้า)[/perfectpullquote]

ก. มูลค่าการซื้อเฉลี่ย:  หมายถึงจำนวนเงินเฉลี่ยที่ลูกค้าใช้ในการซื้อแต่ละครั้ง คำนวณโดยการหารรายได้ทั้งหมดที่เกิดขึ้นด้วยจำนวนการซื้อ

ข. ความถี่ในการซื้อ:  หมายถึงความถี่ที่ลูกค้าทำการซื้อภายในระยะเวลาที่กำหนด คำนวณโดยการหารจำนวนการซื้อทั้งหมดด้วยจำนวนลูกค้าที่ไม่ซ้ำ

ค. อายุขัยของลูกค้า:  หมายถึงระยะเวลาโดยเฉลี่ยที่ลูกค้ายังคงมีส่วนร่วมกับธุรกิจของคุณ สามารถกำหนดได้โดยการวิเคราะห์ข้อมูลในอดีตหรือทำการประมาณการตามเกณฑ์มาตรฐานอุตสาหกรรม

Customer Lifetime Value

ดังนั้นตัวเลข CLV มักจะถูกหยิบขึ้นมาพูดถึงพร้อมๆ กับตัวเลข Customer Acquisition Cost (CAC) และ Cost per Acquisition (CPA) อยู่เสมอ เพราะมันมีความสัมพันธ์กันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และนักลงทุนใน Startup บางคนก็บ้าตัวเลขกลุ่มนี้มากกว่าตัวเลขกำไรด้วยซ้ำ

ก่อนทำตลาดสินค้าในมือ… ลองพิจารณา CLV ให้ละเอียด นอกจากจะเห็นตัวเลขหลายตัวช่วยตัดสินใจทางการตลาดแล้ว หลายกรณีสามารถค้นหากลยุทธ์ที่เหมาะสมได้อย่างไม่ยากเย็นเลยค่ะ

3.ความสำคัญของมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า:

การทำความเข้าใจและใช้ประโยชน์จากมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้าจะก่อให้เกิดประโยชน์มากมายสำหรับธุรกิจของคุณดังนี้
ก. การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์: CLV ให้ข้อมูลเชิงลึกที่เป็นแนวทางในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ ด้วยการระบุลูกค้าที่มีมูลค่าสูง คุณสามารถจัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์การรักษาลูกค้า และปรับแต่งความพยายามทางการตลาดของคุณเพื่อกำหนดเป้าหมายกลุ่มลูกค้าที่คล้ายกัน

ข. การเพิ่มประสิทธิภาพทางการตลาด: CLV ช่วยให้คุณระบุช่องทางการตลาดและแคมเปญที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อดึงดูดและรักษาลูกค้าที่มีมูลค่าสูง ด้วยการมุ่งความสนใจไปที่ช่องทางที่ให้ CLV สูงสุด คุณสามารถเพิ่มประสิทธิภาพงบประมาณการตลาดและเพิ่ม ROI ได้สูงสุด

ค. การรักษาลูกค้า: เมื่อเข้าใจ CLV คุณจะสามารถระบุโอกาสในการเพิ่มความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้าได้ ด้วยการดูแลความสัมพันธ์กับลูกค้า การให้บริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยม และการนำเสนอประสบการณ์ส่วนบุคคล คุณสามารถยืดอายุลูกค้าและเพิ่ม CLV ได้

ง. การขายต่อยอดและการขายต่อเนื่อง: CLV เน้นโอกาสในการขายต่อยอดและการขายต่อเนื่องให้กับลูกค้าปัจจุบัน ด้วยการวิเคราะห์ประวัติการซื้อและความชอบ คุณสามารถปรับแต่งข้อเสนอและคำแนะนำที่ตรงเป้าหมาย ซึ่งจะเป็นการเพิ่ม CLV โดยรวมของพวกเขา

Customer Lifetime Value

4.กลยุทธ์เพื่อเพิ่มมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า:

เพื่อเพิ่ม CLV และเพิ่มความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว ให้พิจารณาใช้กลยุทธ์ต่อไปนี้:

ก. การปรับให้เป็นส่วนตัว: สำหรับลูกค้าแล้วใครๆก็ชอบความเป็น VIP การปรับแต่งการโต้ตอบและข้อเสนอของคุณให้ตรงกับความชอบ ความต้องการ และประวัติการซื้อของลูกค้าแต่ละราย ประสบการณ์ส่วนบุคคลสร้างความรู้สึกมีคุณค่าและส่งเสริมความภักดี ทำให้โอกาสการซื้อซ้ำมีเพิ่มมากขึ้นค่ะ

ข. ความเป็นเลิศด้านการบริการลูกค้า: ลงทุนในบริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยมเพื่อสร้างความไว้วางใจและความภักดี การตอบข้อสงสัยให้กับลูกค้าทันท่วงที จัดการกับข้อกังวลของลูกค้าทันที จัดหาโซลูชันที่มีประสิทธิภาพ และดำเนินการให้เหนือความคาดหมาย

ค. โปรแกรมความภักดี: ใช้โปรแกรมความภักดีที่ให้รางวัลแก่ลูกค้าที่มีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง เสนอส่วนลดพิเศษ จัดโปรโมชั่นพิเศษ ลดแลกแจกแถม หรือสิทธิประโยชน์วีไอพีเพื่อจูงใจให้ซื้อซ้ำและบอกต่อ

ง. คำติชมและการมีส่วนร่วมของลูกค้า: แสวงหาความคิดเห็นของลูกค้าอย่างจริงจังและมีส่วนร่วมในการสื่อสารแบบสองทาง แบบสำรวจ บทวิจารณ์ และการโต้ตอบทางโซเชียลมีเดียให้ข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าสำหรับการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ บริการ และประสบการณ์โดยรวมของลูกค้านะคะ

Customer Lifetime Value (CLV) มูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้าเป็นเมตริกที่มีประสิทธิภาพซึ่งช่วยให้ธุรกิจเปลี่ยนโฟกัสจากการได้รับในระยะสั้นไปสู่ความสำเร็จในระยะยาว ด้วยการทำความเข้าใจคุณค่าที่แท้จริงที่ลูกค้าจะมอบให้ตลอดช่วงชีวิตของพวกเขา ธุรกิจต่างๆ สามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลเป็นหลัก จัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และจัดทำกิจกรรมส่งเสริมความภักดีของลูกค้า ด้วยการใช้กลยุทธ์ที่ยกระดับ CLV เช่น การปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับแต่ละบุคคล การบริการลูกค้าที่เป็นเลิศ โปรแกรมความภักดี และการมีส่วนร่วมอย่างจริงจัง ธุรกิจต่างๆ สามารถปลดล็อคการเติบโตอย่างยั่งยืนและวางตำแหน่งตัวเองเพื่อความสำเร็จระยะยาวในตลาดที่มีการแข่งขันสูง
ดูจะออกแนววิชาการซักนิด แต่อยากให้นำเอาไปปรับใช้กันนะคะ  ติชมแนะนำหรืออยากปรึกษาทักทายกันมาได้ค่ะ

ติดตามเนื้อหาดีๆเพิ่มเติมได้ที่

Facebook
https://www.facebook.com/JinFreedomlifeExpert

website&blog
https://jinmommyonline.com/
https://onlinemystore.co/

Podcast
https://spoti.fi/3DmMT6u

TikTok
https://www.tiktok.com/@jin589

พูดคุย สอบถาม ทักทายได้ที่
https://lin.ee/XPhgJyQ

สำหรับใครที่สนใจในแนวทางการเขียน ซึ่งเป็น 1 ใน Digital products จินขออนุญาติแนะนำคอร์สที่จินตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดความรู้ในเรื่องของการเขียนเพื่อสร้างรายได้ ในคอร์ส “เขียน ขาย ต้นทุน 0 บาท” เพื่อเป็นไกด์นำทางนะคะ สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่  หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือมีคำถามและต้องการปรึกษา สามารถพูดคุยทักทายกันได้ที่ปุ่มด้านล่างนี้ค่ะ

เพิ่มเพื่อน

Customer Lifetime Value (CLV) สู่ความสำเร็จของผลกำไรในระยะยาว Read More »

ขาย ebook

ขายebookที่ไหนดี ชี้เป้า 9แหล่งส่งขาย ebook

ขาย ebook

จากคำถามของพี่ๆน้องๆหลายๆคนที่ติดตามเพจของจิน ถามมาว่าทำ ebooks เสร็จแล้วจะส่งขายที่ไหนคะ/ครับ ซึ่งจริงๆแล้วรายละเอียดในเนื้อหาในคอร์สจึงบอกไว้หมดเรียบร้อยแล้ว แต่ถามมากันค่อนข้างเยอะ

เลยอยากมาสรุปให้พี่ๆน้องๆที่ติดตามทางหน้าเพจ facebook ได้อ่านกันอีกที ซึ่งที่จินจะสรุปนี้อาจจะไม่ใช่ทั้งหมดแต่เป็นที่นิยมทำกันในปัจจุบันค่ะ เรามาดูกันเลยว่ามีที่ไหนบ้าง

9 แหล่งขาย e-bookยอดนิยม

 

1.ookbee.com

หากจะถามหาแหล่งซื้อหนังสือออนไลน์ เชื่อได้ว่า ookbee น่าจะเป็นที่คุ้นหูของใครๆหลายคน ในส่วนของ ookbee สามารถเข้าถึงได้ทั้งทางคอมพิวเตอร์หรือ notebook และโทรศัพท์มือถือ อีกทั้งยังมีแอพพลิเคชั่นทั้ง android และ iPhone อีกด้วย หนังสือของ ookbee แบ่งหมวดหมู่ย่อยหลากหลายประเภทของหนังสือ

ซึ่งในส่วน ookbee นั้นยังเปิดช่องทางให้นักเขียนและสามารถส่ง e-book ของตนเองไปวางที่ร้านได้ด้วย

ขาย ebook

2.mebmarket.com

เป็นอีกแหล่งหนึ่งที่เราจะเขียนเอาหนังสือไปวางขายซึ่งก็มีนักเขียนนำหนังสือ e-book ไปวางขายกันเป็นจำนวนมาก แต่สำหรับงานเขียนที่เป็นนิยายดูจะเป็นแหล่งที่นักเขียนให้ความสนใจเอาไปวางขายกันเป็นจำนวนมาก ดังจะเห็นได้ว่าเมื่อเราเข้าไปในหน้าแรกของเว็บไซต์เราจะเห็นในส่วนของนิยายที่จะแสดงอยู่ในหน้าแรก  หากจะเข้าไปค้นหาหนังสืออื่นๆต้องไปเข้าที่หมวดหมู่ ดังนั้นในส่วนของ mebmarket.com คงจะต้องพิจารณาในเรื่องของเนื้อหาและหมวดหมู่ที่จะส่งขาย อย่างไรก็ตามก็ถือว่าเป็นแหล่งขาย ebook ที่มีผู้สนใจเข้าไปซื้อเป็นจำนวนมาก

ขาย ebook

3.naiin.com

ในยุคที่ต้องปรับเปลี่ยน กับการขายบนออนไลน์ร้านหนังสือเองก็เข้าสู่การปรับเปลี่ยนด้วยเหมือนกัน เหมือนอย่างเช่นร้านหนังสือนายอินทร์ที่เปิดตลาดการขายหนังสือออนไลน์ นอกจากนี้ก็ยังเปิดรับนักเขียนหน้าใหม่ ที่ต้องการพาตัวเองเข้ามาสู่วงการนักเขียนโดยสามารถลงทะเบียนได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย 

ในส่วนของตัวเว็บไซต์ของ naiin เองก็มีหมวดหมู่ที่หลากหลายโดยเฉพาะในส่วนของ e-book ซึ่งมีเป็นจำนวนมากหากใครสนใจลองเข้าไปในเว็บไซต์และเยี่ยมชมดูก่อนได้เลยค่ะ

ขาย ebook

4.se-ed.com

สำหรับในส่วนของคอหนังสือ คงจะไม่มีใครไม่รู้จักในส่วนของร้านหนังสือซีเอ็ด ซึ่งในส่วนของร้านปัจจุบันก็ยังมีขายหนังสือที่เป็น Book Shop แบบที่มีหน้าร้าน และในปัจจุบันก็ไม่พลาดในส่วนแบ่งของร้านหนังสือออนไลน์ด้วยเช่นกัน สำหรับนักเขียนที่อยากส่งงาน E Bookขาย  ร้านซีเอ็ดเองก็เปิดรับสมัครนักเขียนใหม่ๆ ถึงแม้ว่าจะเริ่มต้น รับนักเขียนหน้าใหม่ช้ากว่าเพื่อนๆเขาแต่ก็ถือว่ามาช้าแต่ก็มานะ ในส่วนของลิงค์การรับสมัครคลิกตามหัวข้อของร้านได้เลยค่ะหรือคลิกตามรูปภาพได้เลยนะคะ

ขาย ebook

ในส่วนของการฝากวางขายตามร้านขายหนังสือออนไลน์ นักเขียนต้องยอมรับในเรื่องของส่วนแบ่งในการขาย ซึ่งจะขึ้นอยู่กับแต่ละร้านค้าที่ได้กำหนดสัดส่วนของการขายไว้ ซึ่งสัดส่วนของการขายนี้แต่ละที่จะไม่เท่ากันและอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดตามระยะเวลา ดังนั้นจินจะไม่ได้นำรายละเอียดของการรับค่าตอบแทนของร้านต่างๆมานำเสนอให้นะคะ

5.Facebook Page

การเปิดเพจใน Facebook เพื่อวางขาย e-book เป็นสิ่งที่จินอยากจะแนะนำค่ะ เพราะในส่วนของรายได้จะขึ้นอยู่กับตัวของเราเอง ซึ่งในการขายในเพจ Facebook นั้น สิ่งที่จินอยากจะแนะนำก็คืออยากให้นักเขียนสร้างแบรนด์ไปพร้อมๆกับการทำ Content อย่างต่อเนื่อง ทริคเล็กๆก็คือความมีวินัยและการเรียนรู้เพิ่มเติมในสิ่งใหม่ๆ เราอาจจะต้องเรียนรู้ในเรื่องของการโฆษณาทาง Facebook เพิ่มเติมซึ่งก็ไม่ได้ยากจนเกินไป จินเชื่อว่าเพื่อนๆทำได้ค่ะ 

6.สร้างเว็บไซต์ / Blog เพื่อขาย Ebook

พอเอ่ยคำว่าสร้างเว็บไซต์เพื่อนๆหลายคนอาจจะพากันคิดไปล่วงหน้าว่ายาก  แต่จริงๆแล้วการสร้างเว็บไซต์สมัยนี้ไม่ได้ยากจนเกินไปค่ะ ซึ่งเว็บไซต์สมัยนี้เราสามารถมีเว็บไซต์ได้ในราคา 1,XXX บาทต้นๆ ต่อปี (บางทีไปทานอาหารครั้งหนึ่งยังหมดมากกว่าเลยค่ะ🤣🤣🤣) และการทำก็กึ่งๆสำเร็จรูปไม่ได้ยากเกินความสามารถเพื่อนๆจริงๆนะคะ นอกจากนี้เรายังหารายได้จากเว็บไซต์ด้วยการเผยแพร่บทความและเพิ่มเติมในส่วนของ Google adsense ได้อีกด้วยค่ะ

7.ขายใน Marketplace

การขายใน marketplace ที่เป็นที่นิยมก็จะมีในส่วนของ shopee Lazada หรือ kaidee.com ฯลฯ โดยเฉพาะใน shopee Lazada เองร้านหนังสือหรือสำนักพิมพ์ต่างๆก็ไปเปิดขายกันมากมาย ในส่วนของ marketplace นั้นตัวเราเองเป็นเจ้าของร้าน ดังนั้นส่วนแบ่งรายได้จึงมีแค่เปอร์เซ็นต์เพียงเล็กน้อยที่ marketplace ต่างๆจะหักเป็นส่วนของค่าใช้จ่าย ซึ่งก็อาจจะได้สัดส่วนรายรับที่มากกว่าร้านหนังสือ อย่างไรก็ตาม เราอาจจะต้องทำการโปรโมท เพื่อให้คนเข้าถึงร้านค้าของเราได้มากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ 

8.วางขายใน Tiktok

เป็นช่องทางใหม่ที่หลายๆคนเริ่มเอาสินค้าจำพวกหนังสือหรือแม้กระทั่ง e-book นำไปวางขาย ซึ่งใน tiktok เราอาจจะต้องมีพื้นฐานในเรื่องของการทำ Short Video และเพิ่มเติมในส่วนของการทำ Content หรือการค้นหาแฮชแท็ก และสิ่งสำคัญที่ต้องมีคือการรักษาวินัยในการทำ content อย่างต่อเนื่อง และพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา

ขาย ebook

9.โกอินเตอร์วางขายตลาดต่างประเทศ

นอกจากมองในตลาดบ้านเราแล้ว หากใครมีพื้นฐานภาษาต่างประเทศในส่วนของตลาดต่างประเทศก็ดูเป็นเรื่องที่น่าสนใจมิใช่น้อย ตลาดใหญ่ๆก็คงจะหนีไม่พ้น Amazon Kindle Direct Publishing (KDP): Amazon KDP ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับการเผยแพร่ ebook ด้วยตนเอง คุณสามารถรับค่าลิขสิทธิ์สูงถึง 70% จากการขาย ebook ได้ ส่วนของแพลตฟอร์มออนไลน์อื่นๆ เช่น Barnes & Noble Press, Kobo Writing Life, Google Play Books, Apple Books, Smashwords, Gumroad และ BookBaby เป็นต้น แต่ละแพลตฟอร์มนั้นจะมีกฎเกณฑ์และเงื่อนไขที่แตกต่างกันไป ดังนั้นควรศึกษาและเลือกใช้แพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณและสินค้าของคุณด้วยค่ะ

ขาย ebook

สำหรับการวางขาย ebook ที่ได้กล่าวมาเบื้องต้นนี้ เป็นในส่วนของตลาดที่เป็นที่นิยม  ซึ่งจริงๆอาจจะมีมากกว่านี้แต่จินขอยกตัวอย่างมาเพียงเท่านี้ก่อนนะคะ สำหรับการวางขายก็ไม่ได้มีข้อจำกัดหรือข้อห้ามใดๆ เราสามารถลงวางขายได้ทุกช่องทางทุกแพลตฟอร์มพร้อมๆกันได้เลยค่ะ

อ่านมาถึงตอนนี้แล้วเพื่อนๆพร้อม หรือยังกับการเปลี่ยนความรู้เพื่อมาเป็นรายได้ด้วยการเขียน e-book ขอบคุณที่ติดตามและอ่านมาจนถึงบรรทัดสุดท้ายนี้นะคะ

ติดตามเนื้อหาดีๆเพิ่มเติมได้ที่

Facebook
https://www.facebook.com/JinFreedomlifeExpert

website&blog
https://jinmommyonline.com/
https://onlinemystore.co/

Podcast
https://spoti.fi/3DmMT6u

TikTok
https://www.tiktok.com/@jin589

พูดคุย สอบถาม ทักทายได้ที่
https://lin.ee/XPhgJyQ

สำหรับใครที่สนใจในแนวทางการเขียน ซึ่งเป็น 1 ใน Digital products จินขออนุญาติแนะนำคอร์สที่จินตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดความรู้ในเรื่องของการเขียนเพื่อสร้างรายได้ ในคอร์ส “เขียน ขาย ต้นทุน 0 บาท” เพื่อเป็นไกด์นำทางนะคะ สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่  หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือมีคำถามและต้องการปรึกษา สามารถพูดคุยทักทายกันได้ที่ปุ่มด้านล่างนี้ค่ะ

เพิ่มเพื่อน

ขายebookที่ไหนดี ชี้เป้า 9แหล่งส่งขาย ebook Read More »

คอนเทนต์วิดีโอ

7 ไอเดียช่องทางสร้างรายได้ด้วยคอนเทนต์วิดีโอ

7 ไอเดียช่องทางสร้างรายได้ด้วยคอนเทนต์วิดีโอ

สวัสดีค่ะในยุคที่ใครๆสมัยนี้ใครๆก็มีโทรศัพท์มือถือด้วยกันทุกคน ความบันเทิงในรูปแบบวีดีโอเป็นสิ่งที่หาได้ง่ายเพราะมีให้รับชมหลายๆแพลตฟอร์ม …

7 ไอเดียช่องทางสร้างรายได้ด้วยคอนเทนต์วิดีโอ Read More »

Scroll to Top