Customer Lifetime Value (CLV) สู่ความสำเร็จของผลกำไรในระยะยาว
ในโลกของธุรกิจ ไม่ใช่แค่การหาลูกค้า แต่มันเกี่ยวกับการปลูกฝังความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนซึ่งขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนป้อนมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า (CLV) คือตัวชี้วัดที่นอกเหนือไปจากธุรกรรมระยะสั้นและมุ่งเน้นไปที่มูลค่าระยะยาวของลูกค้าค่ะ
ในบทความนี้ เราจะสำรวจแนวคิดของมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า ความสำคัญ และวิธีที่จะสามารถปฏิวัติกลยุทธ์ทางธุรกิจของคุณเพื่อเพิ่มผลกำไรสูงสุดและส่งเสริมความภักดีของลูกค้า เพื่อให้ประสบความสำเร็จนั้นเราจะต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจเพิ่มเติมอะไรบ้าง เราไปดูกันเลยค่ะ
อ่านเฉพาะเรื่อง
1.การทำความเข้าใจมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า:
มูลค่าตลอดช่วงชีวิตของลูกค้าคือเมตริกที่วัดมูลค่ารวมของลูกค้าตลอดช่วงระยะเวลาที่ลูกค้ามีความสัมพันธ์กับธุรกิจของคุณ ไม่เพียงแต่คำนึงถึงรายได้ที่เกิดจากการซื้อครั้งแรกเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงรายได้ที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อซ้ำ การขายต่อยอด และการอ้างอิงหรือการบอกต่ออีกด้วย เมื่อเข้าใจคุณค่าที่แท้จริงที่ลูกค้ามอบให้กับธุรกิจของคุณ คุณจะสามารถทำการตัดสินใจอย่างรอบรู้มากขึ้นเกี่ยวกับการตลาด การรักษาลูกค้า และการจัดสรรทรัพยากรให้เกิดประโยชน์ได้ดียิ่งขึ้นค่ะ
ตัวเลขสำคัญอีกตัวหนึ่ง ที่นักธุรกิจและนักการตลาดใช้ประเมินและวัดประสิทธิภาพการทำธุรกิจคือ Customer Lifetime Value (CLV) หรือ Lifetime Value of Customer (LVC) ซึ่งตัวเลขตัวนี้ไม่มีสูตรคำนวณ เพราะ CLV คือมูลค่าตลอดช่วงชีวิตของลูกค้าคนหนึ่งที่มีต่อสินค้าหรือแบรนด์
ถ้าลูกค้าของคุณ เลือกซื้อโลชั่นจากคุณและซื้อซ้ำทุกๆ 3 เดือน นั่นแปลว่า ถ้าลูกค้าท่านนี้ไม่เปลี่ยนไปซื้อโลชั่นจากที่อื่นเลยจนเสียชีวิต คุณจะสามารถหาตัวเลข CLV จากลูกค้าคนนี้ได้ไม่ยาก
เหตุผลที่ต้องประเมินหามูลค่าแบบช่วงชีวิต (Lifetime) ก็เพื่อที่จะได้สามารถบอกได้ว่า ลูกค้า 1 คนโดยเฉลี่ยแล้ว จะมีมูลค่ากับสินค้า แบรนด์ หรือบริษัทมากเท่าไหร่ตลอดช่วงชีวิตของเขา ทำให้บริษัทสามารถประเมินหาตัวเลขงบประมาณที่เหมาะสมในการจ่ายเพื่อหาลูกค้าใหม่รวมถึงงบประมาณที่เหมาะสมในการจ่ายเพื่อเก็บรักษาลูกค้าเก่าได้
2.การคำนวณมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า:
แม้ว่าจะมีหลายวิธีในการคำนวณ CLV แต่สูตรที่ใช้กันทั่วไปคือ:
[perfectpullquote align=”full” bordertop=”false” cite=”” link=”” color=”#ff0000″ class=”” size=”36″]CLV = (มูลค่าการซื้อเฉลี่ย) x (ความถี่ในการซื้อ) x (อายุการใช้งานของลูกค้า)[/perfectpullquote]
ก. มูลค่าการซื้อเฉลี่ย: หมายถึงจำนวนเงินเฉลี่ยที่ลูกค้าใช้ในการซื้อแต่ละครั้ง คำนวณโดยการหารรายได้ทั้งหมดที่เกิดขึ้นด้วยจำนวนการซื้อ
ข. ความถี่ในการซื้อ: หมายถึงความถี่ที่ลูกค้าทำการซื้อภายในระยะเวลาที่กำหนด คำนวณโดยการหารจำนวนการซื้อทั้งหมดด้วยจำนวนลูกค้าที่ไม่ซ้ำ
ค. อายุขัยของลูกค้า: หมายถึงระยะเวลาโดยเฉลี่ยที่ลูกค้ายังคงมีส่วนร่วมกับธุรกิจของคุณ สามารถกำหนดได้โดยการวิเคราะห์ข้อมูลในอดีตหรือทำการประมาณการตามเกณฑ์มาตรฐานอุตสาหกรรม
ดังนั้นตัวเลข CLV มักจะถูกหยิบขึ้นมาพูดถึงพร้อมๆ กับตัวเลข Customer Acquisition Cost (CAC) และ Cost per Acquisition (CPA) อยู่เสมอ เพราะมันมีความสัมพันธ์กันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และนักลงทุนใน Startup บางคนก็บ้าตัวเลขกลุ่มนี้มากกว่าตัวเลขกำไรด้วยซ้ำ
ก่อนทำตลาดสินค้าในมือ… ลองพิจารณา CLV ให้ละเอียด นอกจากจะเห็นตัวเลขหลายตัวช่วยตัดสินใจทางการตลาดแล้ว หลายกรณีสามารถค้นหากลยุทธ์ที่เหมาะสมได้อย่างไม่ยากเย็นเลยค่ะ
3.ความสำคัญของมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า:
การทำความเข้าใจและใช้ประโยชน์จากมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้าจะก่อให้เกิดประโยชน์มากมายสำหรับธุรกิจของคุณดังนี้
ก. การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์: CLV ให้ข้อมูลเชิงลึกที่เป็นแนวทางในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ ด้วยการระบุลูกค้าที่มีมูลค่าสูง คุณสามารถจัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์การรักษาลูกค้า และปรับแต่งความพยายามทางการตลาดของคุณเพื่อกำหนดเป้าหมายกลุ่มลูกค้าที่คล้ายกัน
ข. การเพิ่มประสิทธิภาพทางการตลาด: CLV ช่วยให้คุณระบุช่องทางการตลาดและแคมเปญที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อดึงดูดและรักษาลูกค้าที่มีมูลค่าสูง ด้วยการมุ่งความสนใจไปที่ช่องทางที่ให้ CLV สูงสุด คุณสามารถเพิ่มประสิทธิภาพงบประมาณการตลาดและเพิ่ม ROI ได้สูงสุด
ค. การรักษาลูกค้า: เมื่อเข้าใจ CLV คุณจะสามารถระบุโอกาสในการเพิ่มความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้าได้ ด้วยการดูแลความสัมพันธ์กับลูกค้า การให้บริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยม และการนำเสนอประสบการณ์ส่วนบุคคล คุณสามารถยืดอายุลูกค้าและเพิ่ม CLV ได้
ง. การขายต่อยอดและการขายต่อเนื่อง: CLV เน้นโอกาสในการขายต่อยอดและการขายต่อเนื่องให้กับลูกค้าปัจจุบัน ด้วยการวิเคราะห์ประวัติการซื้อและความชอบ คุณสามารถปรับแต่งข้อเสนอและคำแนะนำที่ตรงเป้าหมาย ซึ่งจะเป็นการเพิ่ม CLV โดยรวมของพวกเขา
4.กลยุทธ์เพื่อเพิ่มมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า:
เพื่อเพิ่ม CLV และเพิ่มความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว ให้พิจารณาใช้กลยุทธ์ต่อไปนี้:
ก. การปรับให้เป็นส่วนตัว: สำหรับลูกค้าแล้วใครๆก็ชอบความเป็น VIP การปรับแต่งการโต้ตอบและข้อเสนอของคุณให้ตรงกับความชอบ ความต้องการ และประวัติการซื้อของลูกค้าแต่ละราย ประสบการณ์ส่วนบุคคลสร้างความรู้สึกมีคุณค่าและส่งเสริมความภักดี ทำให้โอกาสการซื้อซ้ำมีเพิ่มมากขึ้นค่ะ
ข. ความเป็นเลิศด้านการบริการลูกค้า: ลงทุนในบริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยมเพื่อสร้างความไว้วางใจและความภักดี การตอบข้อสงสัยให้กับลูกค้าทันท่วงที จัดการกับข้อกังวลของลูกค้าทันที จัดหาโซลูชันที่มีประสิทธิภาพ และดำเนินการให้เหนือความคาดหมาย
ค. โปรแกรมความภักดี: ใช้โปรแกรมความภักดีที่ให้รางวัลแก่ลูกค้าที่มีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง เสนอส่วนลดพิเศษ จัดโปรโมชั่นพิเศษ ลดแลกแจกแถม หรือสิทธิประโยชน์วีไอพีเพื่อจูงใจให้ซื้อซ้ำและบอกต่อ
ง. คำติชมและการมีส่วนร่วมของลูกค้า: แสวงหาความคิดเห็นของลูกค้าอย่างจริงจังและมีส่วนร่วมในการสื่อสารแบบสองทาง แบบสำรวจ บทวิจารณ์ และการโต้ตอบทางโซเชียลมีเดียให้ข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าสำหรับการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ บริการ และประสบการณ์โดยรวมของลูกค้านะคะ
Customer Lifetime Value (CLV) มูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้าเป็นเมตริกที่มีประสิทธิภาพซึ่งช่วยให้ธุรกิจเปลี่ยนโฟกัสจากการได้รับในระยะสั้นไปสู่ความสำเร็จในระยะยาว ด้วยการทำความเข้าใจคุณค่าที่แท้จริงที่ลูกค้าจะมอบให้ตลอดช่วงชีวิตของพวกเขา ธุรกิจต่างๆ สามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลเป็นหลัก จัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และจัดทำกิจกรรมส่งเสริมความภักดีของลูกค้า ด้วยการใช้กลยุทธ์ที่ยกระดับ CLV เช่น การปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับแต่ละบุคคล การบริการลูกค้าที่เป็นเลิศ โปรแกรมความภักดี และการมีส่วนร่วมอย่างจริงจัง ธุรกิจต่างๆ สามารถปลดล็อคการเติบโตอย่างยั่งยืนและวางตำแหน่งตัวเองเพื่อความสำเร็จระยะยาวในตลาดที่มีการแข่งขันสูง
ดูจะออกแนววิชาการซักนิด แต่อยากให้นำเอาไปปรับใช้กันนะคะ ติชมแนะนำหรืออยากปรึกษาทักทายกันมาได้ค่ะ
ติดตามเนื้อหาดีๆเพิ่มเติมได้ที่
Facebook
https://www.facebook.com/JinFreedomlifeExpert
website&blog
https://jinmommyonline.com/
https://onlinemystore.co/
Podcast
https://spoti.fi/3DmMT6u
TikTok
https://www.tiktok.com/@jin589
พูดคุย สอบถาม ทักทายได้ที่
https://lin.ee/XPhgJyQ
สำหรับใครที่สนใจในแนวทางการเขียน ซึ่งเป็น 1 ใน Digital products จินขออนุญาติแนะนำคอร์สที่จินตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดความรู้ในเรื่องของการเขียนเพื่อสร้างรายได้ ในคอร์ส “เขียน ขาย ต้นทุน 0 บาท” เพื่อเป็นไกด์นำทางนะคะ สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือมีคำถามและต้องการปรึกษา สามารถพูดคุยทักทายกันได้ที่ปุ่มด้านล่างนี้ค่ะ