Business

เขียนบทความ

แปลงความรู้สู่รายได้: 5 ตลาดดิจิทัลที่คุณควรรู้

เขียนบทความ

แปลงความรู้สู่รายได้: 5 ตลาดดิจิทัลที่คุณควรรู้

คุณเคยคิดไหมว่าสิ่งที่คุณรู้ สิ่งที่คุณถนัด ประสบการณ์ที่คุณสั่งสม และสิ่งที่คุณรักที่จะทำ สามารถแปลงเป็นรายได้ได้อย่างไร? ในโลกปัจจุบันที่เต็มไปด้วยโอกาสทางธุรกิจออนไลน์ ความรู้ ความถนัด ประสบการณ์ และสิ่งที่คุณรักสามารถกลายเป็นแหล่งรายได้ที่มั่นคงได้ โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนมากมาย เพียงแค่คุณรู้จักวิธีการนำเสนอและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม วันนี้จินจะพาเพื่อนๆพี่ๆน้องๆมาดูกันว่า  เราสามารถสร้างรายได้จากความรู้ของเราได้อย่างไรบ้าง จินจะพาไปหาคำตอบกันค่ะ!

ในบทความนี้ จินจะพาคุณไปรู้จักกับ 5 ตลาดดิจิทัลที่จะช่วยให้คุณสามารถนำความรู้และความสามารถของคุณมาสร้างรายได้ได้อย่างหลากหลาย พร้อมทั้งแนะนำวิธีการเริ่มต้นที่ทำได้ง่ายๆ แม้คุณจะเป็นมือใหม่ในวงการก็ตาม พร้อมแล้วเราไปทำความรู้จักกับ ตลาดดิจิตัลกันได้เลยค่ะ

เขียนบทความ

ตลาดดิจิตัล 5 ตลาดหลักที่น่าสนใจ

ebook

1. ตลาดคนชอบอ่าน: อีบุ๊ค (E-book) คือคำตอบ

## อีบุ๊คคืออะไร?

อีบุ๊ค หรือหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ คือไฟล์ดิจิทัลที่สามารถอ่านได้บนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน โดยทั่วไปมักอยู่ในรูปแบบไฟล์ PDF ซึ่งเป็นที่นิยมเพราะเปิดอ่านได้ง่ายและรักษารูปแบบการจัดหน้าได้ดี

### ทำไมต้องเขียนอีบุ๊ค?

  1. **ต้นทุนต่ำ**: ไม่ต้องพิมพ์เป็นเล่ม ประหยัดค่าใช้จ่าย
  2. **เข้าถึงง่าย**: ผู้อ่านสามารถดาวน์โหลดได้ทันทีที่ซื้อ
  3. **แก้ไขง่าย**: สามารถอัปเดตเนื้อหาได้ตลอดเวลา
  4. **ขยายฐานลูกค้า**: เข้าถึงผู้อ่านได้ทั่วโลก

### วิธีเริ่มต้นเขียนและขายอีบุ๊ค

  1. **เลือกหัวข้อ**: นำความรู้และประสบการณ์ของคุณมาเขียน
  2. **วางโครงเรื่อง**: จัดระเบียบเนื้อหาให้น่าอ่านและเข้าใจง่าย
  3. **เขียนเนื้อหา**: ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย ตรงประเด็น
  4. **ออกแบบและจัดรูปเล่ม**: สร้างหน้าปกที่ดึงดูด จัดวางเนื้อหาให้น่าอ่าน
  5. **แปลงเป็นไฟล์ PDF**: ใช้โปรแกรมเช่น Microsoft Word หรือ Adobe Acrobat,Foxit ฯลฯ
  6. **เลือกช่องทางขาย**:

– ขายเองผ่านโซเชียลมีเดีย

– ฝากขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Amazon Kindle, Ookbee และฯลฯ

– สร้างเว็บไซต์ของตัวเองเพื่อขาย

audio book

2.ตลาดคนชอบฟัง: ออดิโอบุ๊ค (Audiobook) เสียงสร้างเงิน

### ทำไมออดิโอบุ๊คถึงมาแรง?

– **ความสะดวก**: ฟังได้ทุกที่ทุกเวลา แม้ขณะทำกิจกรรมอื่น

– **ประหยัดเวลา**: เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาอ่านหนังสือ

– **อารมณ์และความรู้สึก**: การฟังเสียงสามารถถ่ายทอดอารมณ์ได้ดีกว่าการอ่าน

### วิธีสร้างออดิโอบุ๊ค

  1. **เตรียมบทพูด**: อาจใช้เนื้อหาจากอีบุ๊คที่มีอยู่แล้ว หรือเขียนขึ้นใหม่
  2. **เตรียมอุปกรณ์**: ไมโครโฟนคุณภาพดี และโปรแกรมบันทึกเสียง
  3. **ฝึกการอ่าน**: ฝึกออกเสียงให้ชัดเจน มีจังหวะการพูดที่น่าฟัง
  4. **บันทึกเสียง**: อัดในห้องที่เงียบ ไม่มีเสียงรบกวน
  5. **ตัดต่อและปรับแต่ง**: ใช้โปรแกรมตัดต่อเสียงเพื่อให้ได้คุณภาพที่ดี
  6. **แปลงไฟล์**: เปลี่ยนเป็นไฟล์เสียงที่ใช้งานได้ทั่วไป เช่น MP3

 

### ช่องทางการขาย

– แพลตฟอร์มออดิโอบุ๊ค เช่น Ookbee, marketplace ฯลฯ

– เว็บไซต์ส่วนตัว

– แอพพลิเคชันมือถือ

– CD หรือ USB (สำหรับลูกค้าบางกลุ่ม)

คอร์สออนไลน์

3.ตลาดคนชอบดูและฟัง: คอร์สออนไลน์ สอนง่าย เรียนสนุก(Online Course)

สำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์การเรียนรู้แบบครบวงจร คอร์สออนไลน์เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม คุณสามารถนำความรู้ของคุณมาสร้างเป็นบทเรียนวิดีโอ พร้อมกับเอกสารประกอบและแบบฝึกหัดต่างๆได้

### ทำไมคอร์สออนไลน์ถึงเป็นที่นิยม?

– **ยืดหยุ่น**: ผู้เรียนสามารถเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา

– **ประหยัด**: ไม่ต้องเดินทาง ประหยัดค่าใช้จ่าย

– **หลากหลาย**: มีหลักสูตรให้เลือกมากมาย

– **ทบทวนได้**: สามารถดูซ้ำได้ไม่จำกัด

 

### วิธีสร้างคอร์สออนไลน์

  1. **กำหนดหัวข้อ**: เลือกเรื่องที่คุณเชี่ยวชาญและมีความต้องการในตลาด
  2. **วางโครงสร้างหลักสูตร**: แบ่งเนื้อหาเป็นบทเรียนย่อยๆ
  3. **เตรียมสื่อการสอน**: สไลด์ เอกสารประกอบ แบบฝึกหัด
  4. **ถ่ายวิดีโอ**: ใช้กล้องคุณภาพดี เน้นแสงและเสียงที่ชัดเจน
  5. **ตัดต่อวิดีโอ**: ใช้โปรแกรมตัดต่อเพื่อให้วิดีโอน่าสนใจ
  6. **สร้างระบบการเรียน**: อาจใช้แพลตฟอร์มสำเร็จรูปหรือสร้างเว็บไซต์เอง

 

### ช่องทางการขายคอร์สออนไลน์

  1. **แพลตฟอร์มคอร์สออนไลน์**: เช่น Udemy, Skillshare และฯลฯ
  2. **เฟซบุ๊กกลุ่มปิด**: สร้างห้องเรียนออนไลน์ง่ายๆ
  3. **เว็บไซต์ส่วนตัว**: ใช้ระบบ LMS (Learning Management System)
  4. **YouTube**: สร้างรายได้จากโฆษณาและการสมัครสมาชิก
  5. **TikTok**: สร้างซีรีส์สอนสั้นๆ แล้วลิงก์ไปยังคอร์สเต็ม
digital product

4.ตลาดคนชอบความเป็นส่วนตัว: โค้ชชิ่งส่วนตัว ใกล้ชิด เข้าถึงง่าย

(One-on-One Coaching)

### ทำไมต้องเป็นโค้ชส่วนตัว?

– **ปรับแต่งได้**: สามารถปรับการสอนให้เหมาะกับแต่ละบุคคล

– **ผลลัพธ์รวดเร็ว**: ผู้เรียนได้รับคำแนะนำโดยตรง ทำให้พัฒนาได้เร็ว

– **สร้างความสัมพันธ์**: เกิดความไว้วางใจระหว่างโค้ชและผู้เรียน

– **ราคาสูง**: สามารถตั้งราคาได้สูงกว่าการสอนกลุ่ม

### วิธีเริ่มต้นเป็นโค้ชส่วนตัว

  1. **กำหนดความเชี่ยวชาญ**: เลือกหัวข้อที่คุณมีความรู้ลึกซึ้ง
  2. **สร้างโปรแกรมการโค้ช**: ออกแบบแผนการสอนที่ยืดหยุ่นได้
  3. **กำหนดรูปแบบการโค้ช**: เช่น การคุยผ่านวิดีโอคอล, การพบหน้า, หรือการแชทออนไลน์
  4. **ตั้งราคา**: พิจารณาจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของคุณ
  5. **สร้างสัญญาหรือข้อตกลง**: เพื่อความชัดเจนในการทำงานร่วมกัน

 

### ช่องทางการหาลูกค้าโค้ชชิ่งส่วนตัว

– โซเชียลมีเดียส่วนตัว (LinkedIn, Facebook, Instagram)

– เว็บไซต์ส่วนตัว

– การบอกต่อจากลูกค้าเดิม

– แพลตฟอร์ม Market place ฯลฯ

5.ตลาดคนชอบสังคม: สัมมนาและเวิร์คช็อป สร้างคอนเนคชั่น เพิ่มมูลค่า

### ทำไมสัมมนาและเวิร์คช็อปยังคงได้รับความนิยม?

– **การมีปฏิสัมพันธ์**: ผู้เข้าร่วมได้พบปะและแลกเปลี่ยนประสบการณ์

– **การเรียนรู้แบบเข้มข้น**: เรียนรู้ได้มากในเวลาอันสั้น

– **สร้างเครือข่าย**: โอกาสในการสร้างคอนเนคชั่นทางธุรกิจ

– **ประสบการณ์ตรง**: ได้เห็น ได้ลองทำจริง ซึ่งช่วยให้เข้าใจได้ดียิ่งขึ้น

### วิธีจัดสัมมนาและเวิร์คช็อป

  1. **เลือกหัวข้อ**: ต้องน่าสนใจและตรงกับความต้องการของตลาด
  2. **กำหนดรูปแบบ**: ออนไลน์, ออฟไลน์, หรือแบบผสม
  3. **วางแผนเนื้อหา**: สร้างหลักสูตรที่ครอบคลุมและน่าสนใจ
  4. **เตรียมสื่อและอุปกรณ์**: สไลด์, เอกสารประกอบ, อุปกรณ์สำหรับกิจกรรม
  5. **หาสถานที่หรือแพลตฟอร์ม**: สำหรับการจัดงาน
  6. **ทำการตลาด**: ประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่างๆ
  7. **เตรียมทีมงาน**: สำหรับช่วยดูแลและจัดการงาน

### ช่องทางการขายสัมมนาและเวิร์คช็อป

– เว็บไซต์ส่วนตัว

– แพลตฟอร์มขายตั๋วออนไลน์ เช่น Eventbrite

– โซเชียลมีเดีย Facebook , Instagram , tiktok ฯลฯ

– การร่วมมือกับองค์กรหรือบริษัทต่างๆ ,วิทยากรรับเชิญ

สรุป

การเปลี่ยนความรู้และความสามารถที่คุณมีให้เป็นรายได้ เป็นโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจในยุคดิจิทัล ด้วยการใช้กลยุทธ์ที่หลากหลายผ่าน 5 ตลาดหลัก คุณสามารถสร้างแหล่งรายได้ที่หลากหลายและยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นอีบุ๊ค ออดิโอบุ๊ค คอร์สออนไลน์ การโค้ชชิ่งส่วนตัว หรือการจัดสัมมนา แต่ละช่องทางมีข้อดีและความท้าทายที่แตกต่างกันสิ่งสำคัญคือการเริ่มต้นจากสิ่งที่คุณรู้และรัก พัฒนาความเชี่ยวชาญอย่างต่อเนื่อง และมุ่งมั่นที่จะสร้างคุณค่าให้กับผู้อื่น [perfectpullquote align=”full” bordertop=”false” cite=”” link=”” color=”#FFA500″ class=”” size=”26″]
การสร้างธุรกิจจากความรู้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณมีรายได้เท่านั้น แต่ยังเป็นการแบ่งปันประสบการณ์และช่วยเหลือผู้อื่นให้เติบโตและประสบความสำเร็จด้วย [/perfectpullquote]

### คำแนะนำสุดท้าย

การเริ่มต้นอาจไม่ง่าย แต่ด้วยความมุ่งมั่นและความต่อเนื่อง คุณสามารถสร้างธุรกิจจากความรู้และความเชี่ยวชาญของคุณได้ จำไว้ว่า ทุกคนมีความรู้และประสบการณ์ที่มีค่า เพียงแค่คุณต้องรู้จักนำมันออกมาใช้ให้เป็นประโยชน์
(ททท….ทำทันที) เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ แล้วคุณจะพบว่า การแบ่งปันความรู้ไม่เพียงแต่สร้างรายได้ แต่ยังช่วยพัฒนาตัวคุณเองและสร้างคุณค่าให้กับผู้อื่นอีกด้วย ขอให้โชคดีในการเริ่มต้นธุรกิจดิจิทัลของคุณค่ะ!

ขายอะไรดี

แปลงความรู้สู่รายได้: 5 ตลาดดิจิทัลที่คุณควรรู้ Read More »

5 เว็บไซต์ สร้างรายได้จากงานเขียนออนไลน์ฟรี

5 เว็บไซต์ สร้างรายได้จากงานเขียนออนไลน์ฟรี

การเขียน เป็นทักษะที่ฝึกได้
และใช้เป็น 1 ในวิธีที่ดีในการหารายได้เสริม
พัฒนาทักษะการเขียน และสร้างผลงาน
ลองสมัครสมาชิกเว็บไซต์ รับงานเขียนออนไลน์ เริ่มต้นเขียนบทความ และสร้างรายได้จากงานเขียนของคุณ
จาก 5 เว็บ​ไซต์​นี้ที่จินเอามาฝากค่ะ

รายได้จากงานเขียน

1.TrueID in-trend: เว็บไซต์สำหรับเขียนบทความออนไลน์หลากหลายประเภท สมัครสมาชิกฟรี เขียนบทความได้เงินจริง เริ่มต้น 50 บาทต่อบทความ

https://creators.trueid.net/

.

2. Blockdit: แพลตฟอร์มสำหรับเขียนบทความและแชร์ความรู้ สมัครสมาชิกฟรี เขียนบทความได้เงินจริง รายได้จากโฆษณาและการสนับสนุนจากผู้อ่าน

https://www.blockdit.com/faqs
.
3.Fastwork: เว็บไซต์รับงานฟรีแลนซ์หลากหลายประเภท รวมถึงงานเขียน สมัครสมาชิกฟรี เสนอราคาและรับงานเขียนตามทักษะ

https://fastwork.co/
.
4.Ookbee​ : สมัครสมาชิกฟรี เว็บไซต์รับฝากงานเขียน Ebook​ ขายได้รับค่าคอมมิชชั่นเมื่อมีผู้อ่านซื้อสินค้า

https://writer.ookbee.com/

.
5.Content Shifu: เว็บไซต์สำหรับนักเขียนมือใหม่ สมัครสมาชิกฟรี ฝึกเขียนบทความ รับคำติชมจากนักเขียนมืออาชีพ พัฒนาทักษะการเขียน
https://contentshifu.com/become-shifu-writer

สุดท้ายที่อยากจะบอก..

ทริคสำคัญ คือ ฝึกฝีมือการเขียนให้สม่ำเสมอ
ดี /ไม่ดี… ขอความสม่ำเสมอมาก่อนเลย …..ขอให้สนุกกับการเขียน สร้างรายได้ค่ะ
____

สนใจคอร์ส​เรียน #เขียนขาย สร้างรายได้ด้วยทุน 0 บาท ในคอร์ส​สอนตั้งแต่เริ่มต้นการเรียนจนเอาไปขาย หรือสร้างรายได้ทุกช่องทางค่ะ
รายละเอียด ทักมาพูดคุยได้ค่ะ
https://lin.ee/QfIKyVb
____

ด้วยรักและส่งพลัง
โค้ชจิน
#DigitalProductExpert​
หน้าที่จิน คือ ช่วยคุณเปลี่ยนความรู้เป็นรายได้ด้วย #DigitalProduct​ หรือทักษะที่คุณมี❤️

5 เว็บไซต์ สร้างรายได้จากงานเขียนออนไลน์ฟรี Read More »

เริ่มต้นธุรกิจ

7 สิ่งที่ต้องรู้ก่อน เริ่มต้นธุรกิจสำหรับมือใหม่

เริ่มต้นธุรกิจ

7สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเริ่มต้นธุรกิจ

ความฝันของการเป็นเจ้าของธุรกิจเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้น เย้ายวน คือความฝันของใครๆหลายคนที่จะทำให้คุณเป็นเจ้าของชีวิตของตัวเอง แต่ก่อนที่คุณจะเข้าสู่โลกธุรกิจ มีความสำคัญที่คุณควรรู้เกี่ยวกับการเริ่มต้นในธุรกิจ ด้วยเหตุนี้จินเองได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ 7 สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนที่จะเริ่มต้นในธุรกิจของคุณ ฉบับคัดย่อ มาฝากเพื่อนๆพี่ๆน้องๆไว้ดังนี้ค่ะ

1.การวางแผนธุรกิจ

การวางแผนเป็นขั้นตอนสำคัญในการเริ่มต้นในธุรกิจ เริ่มจากการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและกำหนดกลยุทธ์ที่เหมาะสมในการเติบโตและประสบความสำเร็จในอนาคต การวางแผนจะช่วยให้คุณเตรียมพร้อมกับอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตและเป็นแนวทางสำหรับการดำเนินธุรกิจในระยะยาว
มีเครื่องมือหลายชนิดที่ช่วยให้การวางแผนธุรกิจเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยบางเครื่องมือจะช่วยให้คุณวางแผนการเติบโตของธุรกิจของคุณในระยะยาว และบางเครื่องมือจะช่วยให้คุณวางแผนโครงการและกิจกรรมต่างๆ ด้วยเครื่องมือที่มีมากมาย จินจึงของยกตัวอย่างซัก 2-3 ชนิดดังนี้ค่ะ

  1. SWOT Analysis: เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ SWOT ช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคของธุรกิจของคุณได้อย่างชัดเจน
  2. Business Model Canvas: เครื่องมือ Business Model Canvas ช่วยให้คุณสร้างแผนธุรกิจของคุณได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้กระดาษและปากกาเพื่อสร้างแผนธุรกิจของคุณ
  3. Customer Persona: เครื่องมือ Customer Persona ช่วยให้คุณสร้างโปรไฟล์ลูกค้าเพื่อใช้ในการวางแผนการตลาดและการพัฒนาผลิตภัณฑ์
  4. Marketing Plan: เครื่องมือ Marketing Plan ช่วยให้คุณวางแผนการตลาดของธุรกิจของคุณโดยรวมถึงการวิเคราะห์ตลาด กลยุทธ์การตลาด และแผนการตลาด
เครื่องมือแต่ละแบบก็จะเหมาะสมกับธุรกิจแต่ละประเภท ลองศึกษาและใช้เครื่องมือเหล่านี้จัดทำแผนธุรกิจขึ้นมาเพื่อกำหนดเป็นแนวทางดูนะคะ
เริ่มต้นธุรกิจ

2.การศึกษาตลาด

การเข้าใจตลาดเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ คุณควรศึกษาและวิเคราะห์ตลาดเพื่อทราบถึงความต้องการของลูกค้าและคู่แข่งในอุตสาหกรรมที่คุณกำลังเข้าสู่ ในการศึกษาตลาด คุณสามารถรวบรวมข้อมูลโดยใช้วิธีต่าง ๆ เช่นการสำรวจลูกค้าเป้าหมาย การศึกษาคู่แข่งและการวิเคราะห์ข้อมูลตลาดเพื่อนำมาปรับแผนธุรกิจของคุณให้เหมาะสมตามแต่ละตลาด

การศึกษาและวิเคราะห์ตลาดเป็นขั้นตอนสำคัญในการวางแผนการตลาดของธุกิจ เพื่อให้เข้าใจลักษณะของตลาดและกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ โดยปกติแล้ว การศึกษาและวิเคราะห์ตลาดจะประกอบด้วยขั้นตอนดังนี้
  1. วิเคราะห์ตลาด: การวิเคราะห์ตลาดเป็นการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆช่น ข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมาย คูแข่ง แลแนวโน้มของตลาด เพื่อให้เข้าใจลักษณะของตลาดและกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ
  2. วิเคราะห์ SWOT: การวิเคราะห์ SWOT เป็นการวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคของธุรกิจ เพื่อให้เข้าใจแนวโน้มของตลาดและกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ
  3. วิเคราะห์คู่แข่ง: การวิเคราะห์คู่แข่งเป็นการศึกษาและวิเคราะห์คู่แข่งในตลาด เพื่อให้เข้าใจแนวโน้มของตลาดและกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ
  4. วิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า: เพื่อให้เข้าใจว่าลูกค้าต้องการอะไรและวิธีการที่ดีที่สุดในการตอบสนองความต้องของลูกค้า
  5. ปัจจัยอื่นๆ เช่นการศึกษาและวิเคราะห์ปัจจัยภายนอกที่อาจมีผลต่อธุรกิจ เช่น การเมือง สังคม สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี เพื่อให้เข้าใจแนวโน้มของตลาดและกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ
การศึกษาและวิเคราะห์ตลาดเป็นขั้นตอนสำคัญในการวางแผนการตลาดของธุรกิจ โดยเฉพาะในยุคนี้เราสามารถนำเอาเทคโนโลยีและกระบวนการใหม่ๆ เช่น การใช้ข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย และการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยเทคโนโลยี AI จะช่วยให้การศึกษาและวิเคราะห์ตลาดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้นค่ะ

3.การจัดการทรัพยากร

การจัดการทรัพยากรเป็นสิ่งสำคัญที่คุณควรพิจารณาเมื่อเริ่มต้นในธุรกิจ รวมถึงการจัดหาทรัพยากรที่จำเป็นเช่นเงินทุน, แรงงาน, และวัสดุอุปกรณ์ คุณต้องคำนึงถึงการจัดการทรัพยากรให้เหมาะสมและประหยัดทรัพยากรในการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้ธุรกิจของคุณสามารถเติบโตได้อย่างเหมาะสม   ตัวอย่างของการจัดการทรัพยากรในการเริ่มต้นในธุรกิจได้แก่

  1. การวางแผนงบประมาณ: การวางแผนงบประมาณเป็นสิ่งสำคัญในการจัดการทรัพยากร เพราะจะช่วยให้เราสามารถวางแผนการใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการวางแผนงบประมาณจะต้องคำนึงถึงรายได้และรายจ่ายของธุรกิจ
  2. การจัดการเวลา: การจัดการเวลาเป็นสิ่งสำคัญในการจัดการทรัพยากร เพราะเวลาเป็นสิ่งที่มีจำกัด ดังนั้น การวางแผนการใช้เวลาให้เหมาะสมจะช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  3. การจัดการทรัพยากรบุคคล: การจัดการทรัพยากรบุคคลเป็นสิ่งสำคัญในการเริ่มต้นในธุรกิจ เพราะบุคคลเป็นสิ่งที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจ ดังนั้น การวางแผนการจัดการทรัพยากรบุคคลเพื่อให้ได้บุคคลที่มีความสามารถและเหมาะสมกับธุรกิจจะช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  4. การจัดการทรัพยากรการเงิน: การจัดการทรัพยากรการเงินเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการจัดการทรัพยากรการเงินเป็นสิ่งที่จำป็นต้องทำให้ดีเพื่อให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  5. การจัดการทรัพยากรเทคโนโลยี: การจัดการทรัพยากรเทคโนโลยีเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในยุคนี้ตัวช่วยทางด้านเทคโนโลยีมีมากมาย เช่น AI ต่างๆ ซึ่งเราสามารถนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาเป็นตัวช่วยซึ่งจะสามารถประหยัดทั้งเวลาและต้นทุนได้อีกด้วยค่ะ ดังนั้น การวางแผนการจัดการทรัพากรเทคโนโลยีเพื่อให้ได้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับธุรกิจจะช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพนะคะ

4.การทำการตลาด( Marketing )

การทำการตลาดเป็นกระบวนการสำคัญที่จะช่วยให้คุณสร้างความรู้จักกับลูกค้าและเพิ่มยอดขายสินค้าหรือบริการของคุณ คุณควรพิจารณาเกี่ยวกับกลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจของคุณ เช่นการใช้สื่อโฆษณาออนไลน์, การสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจบนสื่อสังคมออนไลน์ และวิธีการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว ด้วยการทำการตลาดในยุคปัจจุบันนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และด้วยเหตุผลที่มีการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการซื้อขายของผู้บริโภค และการเปลี่ยนแปลงในเทคโนโลยีและการสื่อสาร ดังนั้น การทำการตลาดในยุคปัจจุบันจะต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ดังต่อไปนี้

  1. การใช้สื่อสังคมออนไลน์: การใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นสิ่งสำคัญในการทำการตลาดในยุคปัจจุบัน เนื่องจากผู้บริโภคมีการใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นประจำ ดังนั้น การใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการทำการตลาดจะช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  2. การใช้ข้อมูล: การใช้ข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญในการทำการตลาดใยุคปัจจุบัน เนื่องจากการใช้ข้อมูลจะช่วยให้ธุรกิจสามารถวิเคราะห์และปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  3. การใช้โซเชียลมีเดีย: การใช้โซเชียลมีเดียเป็นสิ่งสำคัญในการทำการตลาดในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น facebook , youtube , tiktok , Line ,Pinterest ฯลฯ เนื่องจากโซเชียลมีเดียเป็นช่องทางที่ดีในการสื่อสารกับลูกค้า และช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  4. การใช้การตลาดดิจิทัล: การใช้การตลาดดิจิทัลเป็นสิ่งสำคัญในการทำการตลาดในยุคปัจจุบัน เนื่องจากการตลาดดิจิทัลเป็นช่องทางที่ดีในการเชื่อมต่อกับลูกค้า และช่วยให้ธุรกิจสามารถวิเคราะห์และปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  5. การใช้การตลาดทางโทรทัศน์: การใช้การตลาดทางโทรทัศน์ยังเป็นสิ่งสำคญในการทำการตลาดในยุคปัจจุบัน เนื่องจากการตลาดทางโทรทัศน์เป็นช่องทางที่ดีในการสื่อสารกับลูกค้าที่อยู่นอกพื้นที่ที่ห่างไกลเทคโนโลยี และช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วยค่ะ
การทำการตลาดในยุคปัจจุบันต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ เพื่อให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการตลาดในยุคนี้ต้องคอยติดตามข่าวสารอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนะคะ
เริ่มต้นธุรกิจ

5.การจัดการด้านการเงิน

การเพิ่มกำไรและการจัดการเงินเป็นสิ่งสำคัญในธุรกิจ คุณควรมีการวางแผนการเงินที่ดีและรอบคอบเพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างยั่งยืน คุณควรคำนึงถึงรายรับและรายจ่าย การกำหนดราคาสินค้าหรือบริการที่เหมาะสม การบริหารจัดการเงินให้มีประสิทธิภาพ และการเตรียมค่าใช้จ่ายสำหรับอุปกรณ์ การตลาด และการขยายธุรกิจในอนาคต การจัดการด้านการเงินสำหรับธุรกิจใหม่จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ที่เราควรวางแผนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพสามารถช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตและประสบความสำเร็จ การจัดการด้านการเงินสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ ทำอย่างไรจินขอให้คำแนะนำดังนี้ค่ะ

  1. จัดทำงบประมาณ: กำหนดงบประมาณสำหรับรายได้และรายจ่ายของธุรกิจ ตั้งเป้าหมายรายได้และควบคุมค่าใช้จ่ายให้เหมาะสม
  2. วางแผนเงินทุน: คำนึงถึงแหล่งเงินทุนที่ต้องการสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจ สามารถเป็นเงินทุนส่วนตัว สินเชื่อธุรกิจ หรือการหาผู้ร่วมลงทุน
  3. จัดการเงินสด: ติดตามและควบคุมเงินสดของธุรกิจอย่างใกล้ชิด ให้ความสำคัญกับการวางแผนเงินสดและการคืนเงิน(สินเชื่อ)ให้เป็นไปตามกำหนด
  4. ตั้งราคาสินค้าหรือบริการ: วิเคราะห์ต้นทุนและกำหนดราคาสินค้าหรือบริการให้เหมาะสม อย่าลืมคำนึงถึงค่าคอมมิชชั่น ส่วนลด และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
  5. วางแผนภาษี: ทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายภาษีและวิธีการปฏิบัติตามกฎหมาย หากจำเป็นให้ปรึกษาที่ปรึกษาภาษีหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน
  6. จัดการความเสี่ยง: วิเคราะห์ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับธุรกิจของคุณ และวางแผนเพื่อลดความเสี่ยงเหล่านั้น
  7. ติดตามและประเมินผล: ติดตามและวิเคราะห์ผลการดำเนินงานของธุรกิจ ปรับปรุงแผนการเงินตามความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์
  8. สร้างทีมงานด้านการเงินที่มีความสามารถ: คัดเลือกบุคคลากรที่มีความสามารถในด้านการเงิน เช่น นักบัญชี ผู้จัดการการเงิน หรือที่ปรึกษาด้านการเงิน
    การจัดการด้านการเงินอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถรับมือกับความท้าทายและเติบโตอย่างยั่งยืนค่ะ
เริ่มต้นธุรกิจ

6.การบริหารจัดการเวลา

การบริหารจัดการเวลาเป็นองค์ประกอบสำคัญในการเริ่มต้นธุรกิจ คุณต้องมีความรอบรู้ในการวางแผนเวลาให้เหมาะสม เพื่อให้คุณสามารถจัดการกับงานต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างเช่นการตั้งเป้าหมายสำหรับงานต่าง ๆ, การกำหนดลำดับความสำคัญของงาน และการใช้เครื่องมือช่วยในการจัดการเวลา เพื่อให้คุณสามารถใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด

การบริหารจัดการเวลาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ประกอบการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ การใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณสามารถทำงานได้มากขึ้นในระยะเวลาที่กำหนด ขอให้คำแนะนำดังนี้:

  1. ตั้งเป้าหมายและกำหนดลำดับความสำคัญ: กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและเหมาะสมสำหรับธุรกิจของคุณ จัดลำดับความสำคัญของงานตามความสำคัญและความเร่งด่วน
  2. วางแผนการทำงาน: จัดทำตารางเวลาสำหรับการทำงาน แบ่งงานให้เป็นช่วงเวลาที่สั้น ๆ และกำหนดเวลาสำหรับการพักผ่อน
  3. กำหนดเวลาสำหรับตัวเอง: ให้เวลาสำหรับการพักผ่อน การออกกำลังกาย และการสัมผัสกับครอบครัวและเพื่อน ๆ เพื่อให้คุณมีสมดุลในชีวิต
  4. หลีกเลี่ยงการสะสมงาน: พยายามทำงานให้เสร็จตามกำหนดเวลา หลีกเลี่ยงการสะสมงานที่อาจทำให้คุณรู้สึกว่ามีภาระงานมากเกินไป
  5. ใช้เทคนิคการจัดการเวลา: ใช้เทคนิคต่าง ๆ เช่น วิธี Pomodoro หรือการจัดการงานแบบ Getting Things Done (GTD) เพื่อช่วยให้คุณทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
  6. ปฏิเสธซะบ้าง สามารถบอกคำว่า “ไม่” ได้: เรียนรู้วิธีการปฏิเสธที่เกี่ยวกับงานหรือคำขอที่ไม่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายหลักของธุรกิจของคุณบ้างนะคะ
  7. ใช้เครื่องมือและเทคโนโลยี: ใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีเพื่อช่วยในการจัดการเวลา เช่น แอปพลิเคชันสำหรับการจัดการงาน การตั้งเตือน หรือการสื่อสารออนไลน์
  8. ประเมินผลและปรับปรุง: ติดตามและประเมินผลการทำงานของคุณ หากพบว่ามีปัญหาในการจัดการเวลา ให้ปรับปรุงและปรับตัวเพื่อให้ดียิ่งขึ้น

การบริหารจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณสามารถทำงานได้มากขึ้นและสามารถรับมือกับความท้าทายในการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ในแต่ละวันได้อย่างทรงพลังเลยค่ะ

เริ่มต้นธุรกิจ

7.การพัฒนาตนเอง

เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเริ่มต้นธุรกิจ การพัฒนาตนเองเพื่อเตรียมความพร้อมในการเผชิญหน้ากับความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในธุรกิจ คุณควรพัฒนาทักษะทางธุรกิจและทักษะการเจริญเติบโตส่วนตัว เช่น การสื่อสาร, การนำทีม, การแก้ไขปัญหา, และการคิดอย่างสร้างสรรค์  การพัฒนาตนเองมีความสำคัญในการเริ่มต้นธุรกิจด้วยหลายเหตุผลดังต่อไปนี้ค่ะ :

  1. เสริมสร้างทักษะและความรู้: การเรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ ๆ จะช่วยให้คุณสามารถรับมือกับความท้าทายในธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น ความรู้ในด้านการบริหารจัดการ การเงิน การตลาด และเทคโนโลยีสามารถช่วยให้คุณนำธุรกิจของคุณสู่ความสำเร็จ
  2. สร้างความมั่นใจ: การพัฒนาตนเองช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในการตัดสินใจและการปฏิบัติงาน ความมั่นใจนี้จะส่งผลให้คุณสามารถนำทีมและสร้างความไว้วางใจในลูกค้าและคู่ค้าได้ดีขึ้น
  3. ส่งเสริมการปรับตัว: การเรียนรู้และพัฒนาตนเองช่วยให้คุณสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีใหม่ ๆ หรือการเปลี่ยนแปลงในตลาดจะช่วยให้ธุรกิจของคุณยั่งยืน เพราะยุคนี้สมัยนี้เทคโนโลยีทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วกว่าเดิมนะคะ
  4. สร้างความสามารถในการแก้ปัญหา: การพัฒนาตนเองช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์ปัญหาและหาวิธีแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความสามารถในการแก้ปัญหาเป็นสิ่งสำคัญในการนำธุรกิจของคุณสู่ความสำเร็จ
  5. ส่งเสริมการสื่อสาร: การพัฒนาทักษะการสื่อสารจะช่วยให้คุณสามารถสื่อสารกับลูกค้า คู่ค้า และพนักงานของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ การสื่อสารที่ดีเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในธุรกิจ
  6. ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต: การมีทัศนคติที่เปิดใจต่อการเรียนรู้ใหม่ ๆ จะช่วยให้คุณสามารถปรับปรุงและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง การเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความแข็งแกร่งของธุรกิจในยุคที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
ดังนั้น การพัฒนาตนเองเป็นสิ่งสำคัญในการเริ่มต้นธุรกิจ เพราะจะช่วยให้คุณสามารถรับมือกับความท้าทาย ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ และนำธุรกิจของคุณสู่ความสำเร็จในระยะยาวค่ะ

การเริ่มต้นในธุรกิจเป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็ให้ผลตอบแทนคุ้มค่ามาก หากคุณมีไอเดียดีๆ และเต็มใจที่จะทำงานหนัก คุณก็สามารถบรรลุความฝันในการเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเองได้

เมื่อคุณเริ่มต้นในธุรกิจของคุณ ให้จำไว้เลยว่าความสำเร็จ มีอยู่ในการทำงานหนักและการเรียนรู้จากประสบการณ์ โดยมีความมุ่งมั่นและความมุ่งหมายที่แน่วแน่ จินขอส่งกำลังใจและอวยพรให้โชคดีในการเริ่มต้นการทำธุรกิจของคุณค่ะ

ติดตามเนื้อหาดีๆเพิ่มเติมได้ที่

Facebook
https://www.facebook.com/JinFreedomlifeExpert

website&blog
https://jinmommyonline.com/
https://onlinemystore.co/

Podcast
https://spoti.fi/3DmMT6u

TikTok
https://www.tiktok.com/@jin589

พูดคุย สอบถาม ทักทายได้ที่
https://lin.ee/XPhgJyQ

สำหรับใครที่สนใจในแนวทางการเขียน ซึ่งเป็น 1 ใน Digital products สร้างธุรกิจที่ไม่ต้องมีหน้าร้าน จินขออนุญาติแนะนำคอร์สที่จินตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดความรู้ในเรื่องของการเขียนเพื่อสร้างรายได้และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในธุรกิจต่างๆได้ ในคอร์ส “เขียน ขาย ต้นทุน 0 บาท” เพื่อเป็นไกด์นำทางนะคะ สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่  หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือมีคำถามและต้องการปรึกษา สามารถพูดคุยทักทายกันได้ที่ปุ่มด้านล่างนี้ค่ะ

เพิ่มเพื่อน

7 สิ่งที่ต้องรู้ก่อน เริ่มต้นธุรกิจสำหรับมือใหม่ Read More »

Customer Lifetime Value

Customer Lifetime Value (CLV) สู่ความสำเร็จของผลกำไรในระยะยาว

Customer Lifetime Value (CLV) สู่ความสำเร็จของผลกำไรในระยะยาว

Customer Lifetime Value

ในโลกของธุรกิจ ไม่ใช่แค่การหาลูกค้า แต่มันเกี่ยวกับการปลูกฝังความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนซึ่งขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนป้อนมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า (CLV) คือตัวชี้วัดที่นอกเหนือไปจากธุรกรรมระยะสั้นและมุ่งเน้นไปที่มูลค่าระยะยาวของลูกค้าค่ะ
ในบทความนี้ เราจะสำรวจแนวคิดของมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า ความสำคัญ และวิธีที่จะสามารถปฏิวัติกลยุทธ์ทางธุรกิจของคุณเพื่อเพิ่มผลกำไรสูงสุดและส่งเสริมความภักดีของลูกค้า เพื่อให้ประสบความสำเร็จนั้นเราจะต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจเพิ่มเติมอะไรบ้าง เราไปดูกันเลยค่ะ

1.การทำความเข้าใจมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า:

มูลค่าตลอดช่วงชีวิตของลูกค้าคือเมตริกที่วัดมูลค่ารวมของลูกค้าตลอดช่วงระยะเวลาที่ลูกค้ามีความสัมพันธ์กับธุรกิจของคุณ ไม่เพียงแต่คำนึงถึงรายได้ที่เกิดจากการซื้อครั้งแรกเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงรายได้ที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อซ้ำ การขายต่อยอด และการอ้างอิงหรือการบอกต่ออีกด้วย เมื่อเข้าใจคุณค่าที่แท้จริงที่ลูกค้ามอบให้กับธุรกิจของคุณ คุณจะสามารถทำการตัดสินใจอย่างรอบรู้มากขึ้นเกี่ยวกับการตลาด การรักษาลูกค้า และการจัดสรรทรัพยากรให้เกิดประโยชน์ได้ดียิ่งขึ้นค่ะ

ตัวเลขสำคัญอีกตัวหนึ่ง ที่นักธุรกิจและนักการตลาดใช้ประเมินและวัดประสิทธิภาพการทำธุรกิจคือ Customer Lifetime Value (CLV) หรือ Lifetime Value of Customer (LVC) ซึ่งตัวเลขตัวนี้ไม่มีสูตรคำนวณ เพราะ CLV คือมูลค่าตลอดช่วงชีวิตของลูกค้าคนหนึ่งที่มีต่อสินค้าหรือแบรนด์

Customer Lifetime Value

ถ้าลูกค้าของคุณ เลือกซื้อโลชั่นจากคุณและซื้อซ้ำทุกๆ 3 เดือน นั่นแปลว่า ถ้าลูกค้าท่านนี้ไม่เปลี่ยนไปซื้อโลชั่นจากที่อื่นเลยจนเสียชีวิต คุณจะสามารถหาตัวเลข CLV จากลูกค้าคนนี้ได้ไม่ยาก

เหตุผลที่ต้องประเมินหามูลค่าแบบช่วงชีวิต (Lifetime) ก็เพื่อที่จะได้สามารถบอกได้ว่า ลูกค้า 1 คนโดยเฉลี่ยแล้ว จะมีมูลค่ากับสินค้า แบรนด์ หรือบริษัทมากเท่าไหร่ตลอดช่วงชีวิตของเขา ทำให้บริษัทสามารถประเมินหาตัวเลขงบประมาณที่เหมาะสมในการจ่ายเพื่อหาลูกค้าใหม่รวมถึงงบประมาณที่เหมาะสมในการจ่ายเพื่อเก็บรักษาลูกค้าเก่าได้

2.การคำนวณมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า:

แม้ว่าจะมีหลายวิธีในการคำนวณ CLV แต่สูตรที่ใช้กันทั่วไปคือ:

[perfectpullquote align=”full” bordertop=”false” cite=”” link=”” color=”#ff0000″ class=”” size=”36″]CLV = (มูลค่าการซื้อเฉลี่ย) x (ความถี่ในการซื้อ) x (อายุการใช้งานของลูกค้า)[/perfectpullquote]

ก. มูลค่าการซื้อเฉลี่ย:  หมายถึงจำนวนเงินเฉลี่ยที่ลูกค้าใช้ในการซื้อแต่ละครั้ง คำนวณโดยการหารรายได้ทั้งหมดที่เกิดขึ้นด้วยจำนวนการซื้อ

ข. ความถี่ในการซื้อ:  หมายถึงความถี่ที่ลูกค้าทำการซื้อภายในระยะเวลาที่กำหนด คำนวณโดยการหารจำนวนการซื้อทั้งหมดด้วยจำนวนลูกค้าที่ไม่ซ้ำ

ค. อายุขัยของลูกค้า:  หมายถึงระยะเวลาโดยเฉลี่ยที่ลูกค้ายังคงมีส่วนร่วมกับธุรกิจของคุณ สามารถกำหนดได้โดยการวิเคราะห์ข้อมูลในอดีตหรือทำการประมาณการตามเกณฑ์มาตรฐานอุตสาหกรรม

Customer Lifetime Value

ดังนั้นตัวเลข CLV มักจะถูกหยิบขึ้นมาพูดถึงพร้อมๆ กับตัวเลข Customer Acquisition Cost (CAC) และ Cost per Acquisition (CPA) อยู่เสมอ เพราะมันมีความสัมพันธ์กันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และนักลงทุนใน Startup บางคนก็บ้าตัวเลขกลุ่มนี้มากกว่าตัวเลขกำไรด้วยซ้ำ

ก่อนทำตลาดสินค้าในมือ… ลองพิจารณา CLV ให้ละเอียด นอกจากจะเห็นตัวเลขหลายตัวช่วยตัดสินใจทางการตลาดแล้ว หลายกรณีสามารถค้นหากลยุทธ์ที่เหมาะสมได้อย่างไม่ยากเย็นเลยค่ะ

3.ความสำคัญของมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า:

การทำความเข้าใจและใช้ประโยชน์จากมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้าจะก่อให้เกิดประโยชน์มากมายสำหรับธุรกิจของคุณดังนี้
ก. การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์: CLV ให้ข้อมูลเชิงลึกที่เป็นแนวทางในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ ด้วยการระบุลูกค้าที่มีมูลค่าสูง คุณสามารถจัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์การรักษาลูกค้า และปรับแต่งความพยายามทางการตลาดของคุณเพื่อกำหนดเป้าหมายกลุ่มลูกค้าที่คล้ายกัน

ข. การเพิ่มประสิทธิภาพทางการตลาด: CLV ช่วยให้คุณระบุช่องทางการตลาดและแคมเปญที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อดึงดูดและรักษาลูกค้าที่มีมูลค่าสูง ด้วยการมุ่งความสนใจไปที่ช่องทางที่ให้ CLV สูงสุด คุณสามารถเพิ่มประสิทธิภาพงบประมาณการตลาดและเพิ่ม ROI ได้สูงสุด

ค. การรักษาลูกค้า: เมื่อเข้าใจ CLV คุณจะสามารถระบุโอกาสในการเพิ่มความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้าได้ ด้วยการดูแลความสัมพันธ์กับลูกค้า การให้บริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยม และการนำเสนอประสบการณ์ส่วนบุคคล คุณสามารถยืดอายุลูกค้าและเพิ่ม CLV ได้

ง. การขายต่อยอดและการขายต่อเนื่อง: CLV เน้นโอกาสในการขายต่อยอดและการขายต่อเนื่องให้กับลูกค้าปัจจุบัน ด้วยการวิเคราะห์ประวัติการซื้อและความชอบ คุณสามารถปรับแต่งข้อเสนอและคำแนะนำที่ตรงเป้าหมาย ซึ่งจะเป็นการเพิ่ม CLV โดยรวมของพวกเขา

Customer Lifetime Value

4.กลยุทธ์เพื่อเพิ่มมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า:

เพื่อเพิ่ม CLV และเพิ่มความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว ให้พิจารณาใช้กลยุทธ์ต่อไปนี้:

ก. การปรับให้เป็นส่วนตัว: สำหรับลูกค้าแล้วใครๆก็ชอบความเป็น VIP การปรับแต่งการโต้ตอบและข้อเสนอของคุณให้ตรงกับความชอบ ความต้องการ และประวัติการซื้อของลูกค้าแต่ละราย ประสบการณ์ส่วนบุคคลสร้างความรู้สึกมีคุณค่าและส่งเสริมความภักดี ทำให้โอกาสการซื้อซ้ำมีเพิ่มมากขึ้นค่ะ

ข. ความเป็นเลิศด้านการบริการลูกค้า: ลงทุนในบริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยมเพื่อสร้างความไว้วางใจและความภักดี การตอบข้อสงสัยให้กับลูกค้าทันท่วงที จัดการกับข้อกังวลของลูกค้าทันที จัดหาโซลูชันที่มีประสิทธิภาพ และดำเนินการให้เหนือความคาดหมาย

ค. โปรแกรมความภักดี: ใช้โปรแกรมความภักดีที่ให้รางวัลแก่ลูกค้าที่มีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง เสนอส่วนลดพิเศษ จัดโปรโมชั่นพิเศษ ลดแลกแจกแถม หรือสิทธิประโยชน์วีไอพีเพื่อจูงใจให้ซื้อซ้ำและบอกต่อ

ง. คำติชมและการมีส่วนร่วมของลูกค้า: แสวงหาความคิดเห็นของลูกค้าอย่างจริงจังและมีส่วนร่วมในการสื่อสารแบบสองทาง แบบสำรวจ บทวิจารณ์ และการโต้ตอบทางโซเชียลมีเดียให้ข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าสำหรับการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ บริการ และประสบการณ์โดยรวมของลูกค้านะคะ

Customer Lifetime Value (CLV) มูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้าเป็นเมตริกที่มีประสิทธิภาพซึ่งช่วยให้ธุรกิจเปลี่ยนโฟกัสจากการได้รับในระยะสั้นไปสู่ความสำเร็จในระยะยาว ด้วยการทำความเข้าใจคุณค่าที่แท้จริงที่ลูกค้าจะมอบให้ตลอดช่วงชีวิตของพวกเขา ธุรกิจต่างๆ สามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลเป็นหลัก จัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และจัดทำกิจกรรมส่งเสริมความภักดีของลูกค้า ด้วยการใช้กลยุทธ์ที่ยกระดับ CLV เช่น การปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับแต่ละบุคคล การบริการลูกค้าที่เป็นเลิศ โปรแกรมความภักดี และการมีส่วนร่วมอย่างจริงจัง ธุรกิจต่างๆ สามารถปลดล็อคการเติบโตอย่างยั่งยืนและวางตำแหน่งตัวเองเพื่อความสำเร็จระยะยาวในตลาดที่มีการแข่งขันสูง
ดูจะออกแนววิชาการซักนิด แต่อยากให้นำเอาไปปรับใช้กันนะคะ  ติชมแนะนำหรืออยากปรึกษาทักทายกันมาได้ค่ะ

ติดตามเนื้อหาดีๆเพิ่มเติมได้ที่

Facebook
https://www.facebook.com/JinFreedomlifeExpert

website&blog
https://jinmommyonline.com/
https://onlinemystore.co/

Podcast
https://spoti.fi/3DmMT6u

TikTok
https://www.tiktok.com/@jin589

พูดคุย สอบถาม ทักทายได้ที่
https://lin.ee/XPhgJyQ

สำหรับใครที่สนใจในแนวทางการเขียน ซึ่งเป็น 1 ใน Digital products จินขออนุญาติแนะนำคอร์สที่จินตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดความรู้ในเรื่องของการเขียนเพื่อสร้างรายได้ ในคอร์ส “เขียน ขาย ต้นทุน 0 บาท” เพื่อเป็นไกด์นำทางนะคะ สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่  หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือมีคำถามและต้องการปรึกษา สามารถพูดคุยทักทายกันได้ที่ปุ่มด้านล่างนี้ค่ะ

เพิ่มเพื่อน

Customer Lifetime Value (CLV) สู่ความสำเร็จของผลกำไรในระยะยาว Read More »

ขาย ebook

ขายebookที่ไหนดี ชี้เป้า 9แหล่งส่งขาย ebook

ขาย ebook

จากคำถามของพี่ๆน้องๆหลายๆคนที่ติดตามเพจของจิน ถามมาว่าทำ ebooks เสร็จแล้วจะส่งขายที่ไหนคะ/ครับ ซึ่งจริงๆแล้วรายละเอียดในเนื้อหาในคอร์สจึงบอกไว้หมดเรียบร้อยแล้ว แต่ถามมากันค่อนข้างเยอะ

เลยอยากมาสรุปให้พี่ๆน้องๆที่ติดตามทางหน้าเพจ facebook ได้อ่านกันอีกที ซึ่งที่จินจะสรุปนี้อาจจะไม่ใช่ทั้งหมดแต่เป็นที่นิยมทำกันในปัจจุบันค่ะ เรามาดูกันเลยว่ามีที่ไหนบ้าง

9 แหล่งขาย e-bookยอดนิยม

 

1.ookbee.com

หากจะถามหาแหล่งซื้อหนังสือออนไลน์ เชื่อได้ว่า ookbee น่าจะเป็นที่คุ้นหูของใครๆหลายคน ในส่วนของ ookbee สามารถเข้าถึงได้ทั้งทางคอมพิวเตอร์หรือ notebook และโทรศัพท์มือถือ อีกทั้งยังมีแอพพลิเคชั่นทั้ง android และ iPhone อีกด้วย หนังสือของ ookbee แบ่งหมวดหมู่ย่อยหลากหลายประเภทของหนังสือ

ซึ่งในส่วน ookbee นั้นยังเปิดช่องทางให้นักเขียนและสามารถส่ง e-book ของตนเองไปวางที่ร้านได้ด้วย

ขาย ebook

2.mebmarket.com

เป็นอีกแหล่งหนึ่งที่เราจะเขียนเอาหนังสือไปวางขายซึ่งก็มีนักเขียนนำหนังสือ e-book ไปวางขายกันเป็นจำนวนมาก แต่สำหรับงานเขียนที่เป็นนิยายดูจะเป็นแหล่งที่นักเขียนให้ความสนใจเอาไปวางขายกันเป็นจำนวนมาก ดังจะเห็นได้ว่าเมื่อเราเข้าไปในหน้าแรกของเว็บไซต์เราจะเห็นในส่วนของนิยายที่จะแสดงอยู่ในหน้าแรก  หากจะเข้าไปค้นหาหนังสืออื่นๆต้องไปเข้าที่หมวดหมู่ ดังนั้นในส่วนของ mebmarket.com คงจะต้องพิจารณาในเรื่องของเนื้อหาและหมวดหมู่ที่จะส่งขาย อย่างไรก็ตามก็ถือว่าเป็นแหล่งขาย ebook ที่มีผู้สนใจเข้าไปซื้อเป็นจำนวนมาก

ขาย ebook

3.naiin.com

ในยุคที่ต้องปรับเปลี่ยน กับการขายบนออนไลน์ร้านหนังสือเองก็เข้าสู่การปรับเปลี่ยนด้วยเหมือนกัน เหมือนอย่างเช่นร้านหนังสือนายอินทร์ที่เปิดตลาดการขายหนังสือออนไลน์ นอกจากนี้ก็ยังเปิดรับนักเขียนหน้าใหม่ ที่ต้องการพาตัวเองเข้ามาสู่วงการนักเขียนโดยสามารถลงทะเบียนได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย 

ในส่วนของตัวเว็บไซต์ของ naiin เองก็มีหมวดหมู่ที่หลากหลายโดยเฉพาะในส่วนของ e-book ซึ่งมีเป็นจำนวนมากหากใครสนใจลองเข้าไปในเว็บไซต์และเยี่ยมชมดูก่อนได้เลยค่ะ

ขาย ebook

4.se-ed.com

สำหรับในส่วนของคอหนังสือ คงจะไม่มีใครไม่รู้จักในส่วนของร้านหนังสือซีเอ็ด ซึ่งในส่วนของร้านปัจจุบันก็ยังมีขายหนังสือที่เป็น Book Shop แบบที่มีหน้าร้าน และในปัจจุบันก็ไม่พลาดในส่วนแบ่งของร้านหนังสือออนไลน์ด้วยเช่นกัน สำหรับนักเขียนที่อยากส่งงาน E Bookขาย  ร้านซีเอ็ดเองก็เปิดรับสมัครนักเขียนใหม่ๆ ถึงแม้ว่าจะเริ่มต้น รับนักเขียนหน้าใหม่ช้ากว่าเพื่อนๆเขาแต่ก็ถือว่ามาช้าแต่ก็มานะ ในส่วนของลิงค์การรับสมัครคลิกตามหัวข้อของร้านได้เลยค่ะหรือคลิกตามรูปภาพได้เลยนะคะ

ขาย ebook

ในส่วนของการฝากวางขายตามร้านขายหนังสือออนไลน์ นักเขียนต้องยอมรับในเรื่องของส่วนแบ่งในการขาย ซึ่งจะขึ้นอยู่กับแต่ละร้านค้าที่ได้กำหนดสัดส่วนของการขายไว้ ซึ่งสัดส่วนของการขายนี้แต่ละที่จะไม่เท่ากันและอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดตามระยะเวลา ดังนั้นจินจะไม่ได้นำรายละเอียดของการรับค่าตอบแทนของร้านต่างๆมานำเสนอให้นะคะ

5.Facebook Page

การเปิดเพจใน Facebook เพื่อวางขาย e-book เป็นสิ่งที่จินอยากจะแนะนำค่ะ เพราะในส่วนของรายได้จะขึ้นอยู่กับตัวของเราเอง ซึ่งในการขายในเพจ Facebook นั้น สิ่งที่จินอยากจะแนะนำก็คืออยากให้นักเขียนสร้างแบรนด์ไปพร้อมๆกับการทำ Content อย่างต่อเนื่อง ทริคเล็กๆก็คือความมีวินัยและการเรียนรู้เพิ่มเติมในสิ่งใหม่ๆ เราอาจจะต้องเรียนรู้ในเรื่องของการโฆษณาทาง Facebook เพิ่มเติมซึ่งก็ไม่ได้ยากจนเกินไป จินเชื่อว่าเพื่อนๆทำได้ค่ะ 

6.สร้างเว็บไซต์ / Blog เพื่อขาย Ebook

พอเอ่ยคำว่าสร้างเว็บไซต์เพื่อนๆหลายคนอาจจะพากันคิดไปล่วงหน้าว่ายาก  แต่จริงๆแล้วการสร้างเว็บไซต์สมัยนี้ไม่ได้ยากจนเกินไปค่ะ ซึ่งเว็บไซต์สมัยนี้เราสามารถมีเว็บไซต์ได้ในราคา 1,XXX บาทต้นๆ ต่อปี (บางทีไปทานอาหารครั้งหนึ่งยังหมดมากกว่าเลยค่ะ🤣🤣🤣) และการทำก็กึ่งๆสำเร็จรูปไม่ได้ยากเกินความสามารถเพื่อนๆจริงๆนะคะ นอกจากนี้เรายังหารายได้จากเว็บไซต์ด้วยการเผยแพร่บทความและเพิ่มเติมในส่วนของ Google adsense ได้อีกด้วยค่ะ

7.ขายใน Marketplace

การขายใน marketplace ที่เป็นที่นิยมก็จะมีในส่วนของ shopee Lazada หรือ kaidee.com ฯลฯ โดยเฉพาะใน shopee Lazada เองร้านหนังสือหรือสำนักพิมพ์ต่างๆก็ไปเปิดขายกันมากมาย ในส่วนของ marketplace นั้นตัวเราเองเป็นเจ้าของร้าน ดังนั้นส่วนแบ่งรายได้จึงมีแค่เปอร์เซ็นต์เพียงเล็กน้อยที่ marketplace ต่างๆจะหักเป็นส่วนของค่าใช้จ่าย ซึ่งก็อาจจะได้สัดส่วนรายรับที่มากกว่าร้านหนังสือ อย่างไรก็ตาม เราอาจจะต้องทำการโปรโมท เพื่อให้คนเข้าถึงร้านค้าของเราได้มากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ 

8.วางขายใน Tiktok

เป็นช่องทางใหม่ที่หลายๆคนเริ่มเอาสินค้าจำพวกหนังสือหรือแม้กระทั่ง e-book นำไปวางขาย ซึ่งใน tiktok เราอาจจะต้องมีพื้นฐานในเรื่องของการทำ Short Video และเพิ่มเติมในส่วนของการทำ Content หรือการค้นหาแฮชแท็ก และสิ่งสำคัญที่ต้องมีคือการรักษาวินัยในการทำ content อย่างต่อเนื่อง และพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา

ขาย ebook

9.โกอินเตอร์วางขายตลาดต่างประเทศ

นอกจากมองในตลาดบ้านเราแล้ว หากใครมีพื้นฐานภาษาต่างประเทศในส่วนของตลาดต่างประเทศก็ดูเป็นเรื่องที่น่าสนใจมิใช่น้อย ตลาดใหญ่ๆก็คงจะหนีไม่พ้น Amazon Kindle Direct Publishing (KDP): Amazon KDP ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับการเผยแพร่ ebook ด้วยตนเอง คุณสามารถรับค่าลิขสิทธิ์สูงถึง 70% จากการขาย ebook ได้ ส่วนของแพลตฟอร์มออนไลน์อื่นๆ เช่น Barnes & Noble Press, Kobo Writing Life, Google Play Books, Apple Books, Smashwords, Gumroad และ BookBaby เป็นต้น แต่ละแพลตฟอร์มนั้นจะมีกฎเกณฑ์และเงื่อนไขที่แตกต่างกันไป ดังนั้นควรศึกษาและเลือกใช้แพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณและสินค้าของคุณด้วยค่ะ

ขาย ebook

สำหรับการวางขาย ebook ที่ได้กล่าวมาเบื้องต้นนี้ เป็นในส่วนของตลาดที่เป็นที่นิยม  ซึ่งจริงๆอาจจะมีมากกว่านี้แต่จินขอยกตัวอย่างมาเพียงเท่านี้ก่อนนะคะ สำหรับการวางขายก็ไม่ได้มีข้อจำกัดหรือข้อห้ามใดๆ เราสามารถลงวางขายได้ทุกช่องทางทุกแพลตฟอร์มพร้อมๆกันได้เลยค่ะ

อ่านมาถึงตอนนี้แล้วเพื่อนๆพร้อม หรือยังกับการเปลี่ยนความรู้เพื่อมาเป็นรายได้ด้วยการเขียน e-book ขอบคุณที่ติดตามและอ่านมาจนถึงบรรทัดสุดท้ายนี้นะคะ

ติดตามเนื้อหาดีๆเพิ่มเติมได้ที่

Facebook
https://www.facebook.com/JinFreedomlifeExpert

website&blog
https://jinmommyonline.com/
https://onlinemystore.co/

Podcast
https://spoti.fi/3DmMT6u

TikTok
https://www.tiktok.com/@jin589

พูดคุย สอบถาม ทักทายได้ที่
https://lin.ee/XPhgJyQ

สำหรับใครที่สนใจในแนวทางการเขียน ซึ่งเป็น 1 ใน Digital products จินขออนุญาติแนะนำคอร์สที่จินตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดความรู้ในเรื่องของการเขียนเพื่อสร้างรายได้ ในคอร์ส “เขียน ขาย ต้นทุน 0 บาท” เพื่อเป็นไกด์นำทางนะคะ สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่  หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือมีคำถามและต้องการปรึกษา สามารถพูดคุยทักทายกันได้ที่ปุ่มด้านล่างนี้ค่ะ

เพิ่มเพื่อน

ขายebookที่ไหนดี ชี้เป้า 9แหล่งส่งขาย ebook Read More »

คอนเทนต์วิดีโอ

7 ไอเดียช่องทางสร้างรายได้ด้วยคอนเทนต์วิดีโอ

7 ไอเดียช่องทางสร้างรายได้ด้วยคอนเทนต์วิดีโอ

สวัสดีค่ะในยุคที่ใครๆสมัยนี้ใครๆก็มีโทรศัพท์มือถือด้วยกันทุกคน ความบันเทิงในรูปแบบวีดีโอเป็นสิ่งที่หาได้ง่ายเพราะมีให้รับชมหลายๆแพลตฟอร์ม …

7 ไอเดียช่องทางสร้างรายได้ด้วยคอนเทนต์วิดีโอ Read More »

Digital Nomad

Digital Nomad17 สัญญาณที่บอกว่าคุณถูกกำหนดให้เป็น

Digital Nomad

Digital Nomad 17 สัญญาณที่บอกว่าคุณถูกกำหนดให้เป็น

ดีจังเนอะ! ได้ไปเที่ยวในวันธรรมดา ไม่ค่อยมีผู้คน อืมมมม บ้านนั้นเขาทำงานอะไรกันนะถึงได้มีเวลาว่างแบบนั้น  บลา บลา บลา …

Digital Nomad17 สัญญาณที่บอกว่าคุณถูกกำหนดให้เป็น Read More »

เขียนบทความ

7 เรื่องต้องรู้ ทำไมต้องเขียนบทความลงเว็บไซต์

เขียนบทความ

7 เรื่องต้องรู้ ทำไมต้องเขียนบทความลงเว็บไซต์

การเขียนบทความในเว็บไซด์เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะใช้ในการสร้างผลิตภัณฑ์ของคุณให้เป็นที่รู้จักและประชาสัมพันธ์ธุรกิจของคุณให้แก่ผู้คนทั่วไป นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณได้รับความนิยมจากผู้ที่สนใจธุรกิจของคุณ และอีกทั้งยังช่วยให้คุณได้รับลิงก์ที่ดีที่สุดจากเว็บไซต์อื่นที่นำบทความเหล่านั้นไปเผยแพร่ ทำให้เว็บไซต์ของคุณอยู่ในตำแหน่งที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเผยแพร่บทความยังช่วยทำให้ผู้อ่านได้รับความรู้เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่คุณมีให้แก่ลูกค้าของคุณ ในรูปแบบที่ทำให้พวกเขารู้สึกสนใจที่จะได้รับคำแนะนำของคุณ

การนำบทความเผยแพร่ลงเว็บไซต์เป็นจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการสร้างเนื้อหาและสร้างความน่าสนใจให้กับเว็บไซต์ของคุณ ดังนั้น

7 เรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับการเขียนบทความลงเว็บไซต์ ได้แก่

1.เพื่อเพิ่มปริมาณเนื้อหา:

เนื้อหาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเว็บไซต์ เขียนบทความให้มีความน่าสนใจและเป็นประโยชน์สำหรับผู้อ่าน เพื่อเพิ่มปริมาณเนื้อหาและเพิ่มโอกาสในการปรับปรุงการค้นหาของเครื่องมือค้นหา เช่น Google,Bing,Yahoo ฯลฯ

2.เพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับเว็บไซด์ของเรา :

บทความที่มีคุณภาพสามารถช่วยสร้างความน่าสนใจและความสนุกสนานให้กับผู้อ่าน เพราะมีข้อมูลและข่าวสารที่น่าสนใจสำหรับเขา ทำให้ผู้ที่ได้เข้ามาอ่านติดตามข้อมูลอย่างต่อเนื่อง บทความเกี่ยวกับความรู้ รายละเอียดของสินค้าเชิงลึกหรือแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการนั้นๆ จะเป็นตัวช่วยที่ทำให้เปลี่ยนจากผู้อ่านเป็นFCได้เลยนะคะ

เขียนบทความ

3. เพื่อเพิ่ม Traffic :

เมื่อเว็บไซต์มีเนื้อหาที่น่าสนใจ เนื้อหาที่มีรายละเอียดให้ข้อมูลหรือคำแนะนำที่ผู้ชมเว็บไซด์ต้องการ จะส่งผลให้มีการเข้าชมเว็บไซต์เพิ่มขึ้น เนื้อหาที่ดีจะนำมาซึ่ง FC และทำให้ได้ฐานลูกค้า ซึ่งสามารถนำมาใช้สร้างรายได้จากการโฆษณาหรือการขายสินค้าได้อีกด้วย

4.ช่วยเพิ่มความน่าสนใจในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์:

การเผยแพร่บทความที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหรือสินค้าบริการของเว็บไซต์จะช่วยเพิ่มความสนใจและความเข้าใจในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์นั้นๆ ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ใช้งานมีแนวโน้มที่จะกลับมาใช้บริการของเว็บไซต์นั้นอีกครั้ง เนื้อหาหรือบทความที่ดี อาจมีการแชร์แบ่งปันทางสื่อโซเชียล ซึ่งจะเป็นการเพิ่มการเข้าถึงผู้คนได้อีกด้วย

5.ช่วยเพิ่มการขาย หรือสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น :

การให้ข้อมูลเนื้อหาหรือรายละเอียดของสินค้าหรือบริการ เปรียบเสมือนมีเซลล์ช่วยทำการขาย ให้กับสินค้าได้ตลอด 24 ชม. ในรายละเอียดของบทความ เราสามารถแทรกลิ้งค์สินค้า เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงการตัดสินใจได้โดยง่าย หรือการใส่ CTA (Call To Action) เพื่อให้ลูกค้าติดต่อเข้ามา เพื่อทำการปิดการขายได้อีกด้วย

เขียนบทความ

6.ช่วยเพิ่มภาพลักษณ์ความเป็นมืออาชีพ :

รายละเอียดของเนื้อหาหรือสินค้า การบริการในเว็บไซต์จะช่วยเพิ่มความสนใจและภาพลักษณ์ในความเป็นผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ ความเป็นมืออาชีพของงานนั้นๆหรือสินค้านั้นๆ โดยเฉพาะสินค้าที่มีคุณค่ามีราคา ความเป็นมืออาชีพจะช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้งายยิ่งขึ้น

7.ช่วยเพิ่มอันดับของเว็บไซต์ :

การเพิ่มอันดับของเว็บไซต์ให้อยู่หน้าแรกของการค้นหา เป็นหัวใจหลักของการทำเว็บไซต์ โดยสถิติแล้วผู้ค้นหาจาก Google , Bing , Yahoo มักจะเปิดดูเพียงแค่ ไม่เกิน 2 หน้าแรกโดยสถิติ บทความและการเผยแพร่บนเว็บไซต์จึงเป็นวิธีหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มอันดับเว็บไซต์ของคุณแบบธรรมชาติ (Organic) ในผลการค้นหาของเครื่องมือการค้นหา เพราะบทความที่เขียนขึ้นมานั้นมักจะมีความน่าสนใจและมีความสมบูรณ์ที่สามารถสร้างความสนใจและเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านได้

ดังนั้น บทความที่มีคุณภาพและสอดแทรกคำค้นหาหรือการแก้ไขปัญหาที่ผู้อ่านพบบ่อยจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านของคุณ จะช่วยเพิ่มอันดับของเว็บไซต์ได้อีกด้วย นอกจากนี้ การใช้คำสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาบทความและการตั้งชื่อที่น่าสนใจสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการปรากฏในผลการค้นหาของเครื่องมือการค้นหาได้อีกด้วย

การนำบทความลงเผยแพร่ในเว็บไซต์เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้เราสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและน่าสนใจให้กับผู้อ่านได้ บทความที่มีคุณภาพสามารถช่วยเพิ่มปริมาณ Traffic และเพิ่มความเชี่ยวชาญของผู้เขียนในด้านที่เขาเขียน นอกจากนี้ยังช่วยสร้างความไว้วางใจในเว็บไซต์และสร้างการตอบรับจากผู้อ่านอีกด้วยค่ะ ดังนั้น หากคุณต้องการเผยแพร่บทความลงในเว็บไซต์ จำเป็นต้องมีการวางแผนการเขียนที่ดี ใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายและเป็นรูปแบบที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายของผลิตภัณฑ์หรือบริการนั้นๆ และสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและน่าสนใจ เพื่อให้ผู้อ่านติดตามเนื้อหาของเราได้ตลอดเวลานะคะ

สำหรับใครที่สนใจในแนวทางการเขียน ซึ่งเป็น 1 ใน Digital products จินขออนุญาติแนะนำคอร์สที่จินตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดความรู้ในเรื่องของการเขียนเพื่อสร้างรายได้ ในคอร์ส “เขียน ขาย ต้นทุน 0 บาท” เพื่อเป็นไกด์นำทางนะคะ สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่  หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือมีคำถามและต้องการปรึกษา สามารถพูดคุยทักทายกันได้ที่ปุ่มด้านล่างนี้ค่ะ

เพิ่มเพื่อน

ขอบคุณที่กดไลค์ กดแชร์และกดติดตามค่ะ
ติดตามเนื้อหาดีๆเพิ่มเติมได้ที่

Facebook
https://www.facebook.com/JinFreedomlifeExpert

website&blog
https://jinmommyonline.com/
https://onlinemystore.co/

Podcast
https://spoti.fi/3DmMT6u

TikTok
https://www.tiktok.com/@jin589

พูดคุย สอบถาม ทักทายได้ที่
https://lin.ee/XPhgJyQ

#content #mindset #การสร้างรายได้ #digitalproduct

7 เรื่องต้องรู้ ทำไมต้องเขียนบทความลงเว็บไซต์ Read More »

กฎแห่งความสำเร็จ

21 กฎแห่งความสำเร็จของคนธรรมดา แต่ความสำเร็จไม่ธรรมดา

21 กฎแห่งความสำเร็จของคนธรรมดา แต่ความสำเร็จไม่ธรรมดา

กฎแห่งความสำเร็จ

1.

กฎการหมกหมุ่น (ปัญหา หรือ ความสำเร็จ) กฎเดียวกันแต่ให้ผลลัพธ์ต่างกันไกลมาก

2.

กฎการเปลี่ยนความรู้ เป็นความรวย มีคนทำได้ 1 ใน 100 ก็มากพอเป็นโอกาสเสมอ

3.

กฎการลงทุนฟรี + กำไร คือลงทุนความรู้ สุขภาพ บอกรัก ขอบคุณ ขอโทษ อภัยตัวเอง เป็นการลงทุนฟรี กำไรไม่สิ้นสุด

4.

กฎการทุ่มเท ทำงานหนักที่ดี ต้องมีความก้าวหน้าชีวิตและธุรกิจ การงานด้วย

5.

กฎของการก้าวหน้า หมดไฟ หรือหมดใจ เช็คก่อน ค่อยๆแก้ ค่อยๆก้าว

กฎแห่งความสำเร็จ

6.

กฎของความรู้ ความแค่รู้จัก แพงกว่าความรู้จริง ในสิ่งที่ทำเสมอ

7.

กฎการฝึกมองหา สิ่งที่อยากมองเห็น ฝึกมองลอดช่องทุกปัญหา ให้เป็นโอกาสเสมอสำหรับตัวเองได้เสมอ

8.

กฎของแรงบันดาลใจ = แรง +บันดาลใจ หากว่าวันไหนหมดใจ อย่าลืมไปเพิ่มแรง❤️‍🔥❤️‍🔥❤️‍🔥

9.

กฎของคิดบวก คิดยังไม่ได้ ไม่เป็นไร แต่อย่าไปรับเพิ่ม และเริ่มหาคนคิดบวกคุยด้วยบ่อยๆ👍👍👍

10.

กฎแห่งความสำเร็จ แยกคนมีความรับผิดชอบตัวเอง 💯% ออกจากคนโทษ บ่น อ้างเสมอ

กฎแห่งความสำเร็จ

11.

กฎของความเชื่อมั่นในความฝัน เป้าหมาย จะไม่ลืมเรียนรู้ ลงมือทำให้มากตามไปด้วยตลอด

12.

กฎการเป็นนายตัวเอง ความหมายคือรับผิดชอบตัวเอง 💯% ต่อทุกเป้าหมาย

13.

กฎเจ้าของชีวิต ไม่มีใครทำให้เราล้มเหลว หรือสำเร็จได้ถ้าเราไม่ยอม

14.

กฎของการขอความช่วยเหลือ อย่าลืมยื่นมือออกไปด้วย

15.

กฎการรักษาแผล ยังต้องห้ามเลือดก่อนเลย ฉันใด ก็ฉันนั้น การเปิดทางไหลเงินเข้า อย่าลืมปิดทางไหลเงินฟุ่มเฟือยออกก่อนเช่นกันนะคะ

กฎแห่งความสำเร็จ

16.

กฎของการเริ่ม ไม่กล้าเริ่มสิ่งใหม่ ๆ จะเอาความตื่นเต้น เร้าใจที่ไหนมาลุ้น

17.

กฎของการเลือก “ไม่เป็นคนขาย ก็ต้องเป็นคนซื้อ” เลือกก่อนจะได้ทำตัวถูก

18.

กฎของคนเก่ง เก่งขึ้นวันละ 1% ปีหนึ่งก็ 365 % เก่งต่อเนื่องทุกวัน 3 ปี 5 ปี เราจะไม่เก่งเบอร์ต้นๆในวงการได้เหรอ

19.

กฎแห่งความสำเร็จ เป็นหน้าที่ เพื่อ…………..

20.

กฎของการตื่นรู้ “การเกิด เลือกไม่ได้ แต่โตไป ตายไป” เลือกได้ วันนี้ดีที่สุดจะยังไง

21.

กฎของการคิด คิดไม่ลงมือทำซะที อย่าหาคิดให้เหนื่อยมันไม่จบ เพราะคนที่คิดแล้วทำเลย ทดลองเลย เรียนรู้ ปรับปรุง ทำอีก ทำซ้ำ “ไม่ได้ ไม่ได้” ทำจนได้ ทำจนถึงเป้าหมาย เหนื่อยนะแต่เขาจบ (คิดดี ๆ)

เพิ่มเพื่อน

ขอบคุณที่กดแชร์และเข้ามาเยี่ยมชมค่ะ
ติดตามเนื้อหาดีๆเพิ่มเติมได้ที่

Facebook
https://www.facebook.com/JinFreedomlifeExpert

website&blog
https://jinmommyonline.com/
https://onlinemystore.co/

Podcast
https://spoti.fi/3DmMT6u

พูดคุย สอบถาม ทักทายได้ที่
https://lin.ee/XPhgJyQ

#content #mindset #การสร้างรายได้ #digitalproduct

21 กฎแห่งความสำเร็จของคนธรรมดา แต่ความสำเร็จไม่ธรรมดา Read More »

สร้างรายได้

11 ไอเดียการสร้างรายได้ด้วยต้นทุน 0 บาท

11 ไอเดียการสร้างรายได้ด้วยต้นทุน 0 บาท   

ขายอะไรดี คำถามยอดฮิตในทุกๆปีของคำค้นหา Google ตัวเลือกหนึ่งของการขายสินค้าแบบต้นทุนต่ำกำไรงามคือการขายผลิตภัณฑ์ดิจิทัล ซึ่งเป็นวิธีที่ประหยัดและไม่ยุ่งยากในการเปิดแหล่งรายได้ใหม่ …

11 ไอเดียการสร้างรายได้ด้วยต้นทุน 0 บาท Read More »

Scroll to Top