9 สาเหตุความเหนื่อยล้าที่ควรรีบแก้ไข

ความเหนื่อยล้าเป็นสิ่งที่เราๆทุกคนต้องเจอ แต่รู้หรือไม่ว่าสาเหตุเหล่านั้น อาจมิได้เกิดจากการทำงานหนักเพียงอย่างเดียว ยังมีอีกหลายๆปัจจัยที่ควรรู้เพื่อเร่งแก้ไข เพราะมิฉะนั้นอาจทำให้ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายอีกด้วย เรามาดูกันนะคะว่ามีสาเหตุอะไรบ้าง

สาเหตุที่ 1: พักผ่อนนอนหลับไม่เพียงพอ

อาจจะด้วยหลายๆปัจจัยที่แตกต่างกัน ซึ่งต้องสำรวจดูกิจกรรมก่อนนอนว่าอะไรคือกิจกรรมที่ทำให้เรานอนดึก การนอนน้อยเกินไป นั่นอาจส่งผลเสียต่อสมาธิและสุขภาพของคุณได้ แล้วเราควรจะนอนกี่ชั่วโมงกันดี  ผู้ใหญ่ควรได้รับเจ็ดถึงเก้าชั่วโมงทุกคืน

การแก้ไข:

[perfectpullquote align=”full” bordertop=”false” cite=”” link=”” color=”#ff0000″ class=”” size=”20″]ควรให้ความสำคัญกับการนอนหลับและจัดตารางเวลาให้สม่ำเสมอ ห้ามใช้แล็ปท็อป,โทรศัพท์มือถือและโทรทัศน์ก่อนนอน หากยังคงปัญหากับการนอน ควรขอความช่วยเหลือจากแพทย์[/perfectpullquote]

สาเหตุที่ 2: การหยุดหายใจขณะหลับ

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ภัยเงียบที่อาจส่งผลถึงชีวิต บางคนคิดว่าพวกเขากำลังนอนหลับเพียงพอ แต่การหยุดหายใจชั่วขณะตลอดทั้งคืน หรือการหยุดชะงักแต่ละครั้งจะทำให้คุณตื่นขึ้นมาชั่วขณะ แต่คุณอาจไม่รู้ตัว ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น : คุณอดนอนแม้ว่าจะใช้เวลาอยู่บนเตียงแปดชั่วโมงก็ตาม เมื่อตื่นขึ้นมาอาจมีอาการร่างกายไม่สดชื่น ปวดศรีษะ

การแก้ไข:

[perfectpullquote align=”full” bordertop=”false” cite=”” link=”” color=”#ff0000″ class=”” size=”20″]หากคุณมีน้ำหนักเกิน คุณควรลดน้ำหนัก,เลิกสูบบุหรี่และคุณอาจต้องใช้อุปกรณ์ CPAP เพื่อช่วยให้ทางเดินหายใจของคุณเปิดในขณะที่คุณนอนหลับ[/perfectpullquote]

สาเหตุที่ 3: กินไม่พอพลังงานถดถอย

การกินน้อยเกินไปจะส่งผลทำให้ร่างกายอ่อนเพลียอ่อนเพลีย แต่การกินอาหารที่ไม่ถูกต้อง กินมากเกินไปก็อาจเป็นปัญหาได้เช่นกัน การรับประทานอาหารที่สมดุลจะช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติและป้องกันความรู้สึกเฉื่อยชาเมื่อน้ำตาลในเลือดลดลง

การแก้ไข:

[perfectpullquote align=”full” bordertop=”false” cite=”” link=”” color=”#ff0000″ class=”” size=”20″]กินอาหารเช้าเสมอและพยายามรวมโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนในทุกมื้อ ตัวอย่างเช่นกินไข่กับขนมปังโฮลเกรน รับประทานอาหารมื้อเล็ก ๆ และของว่างตลอดทั้งวันเพื่อพลังงานที่ยั่งยืน[/perfectpullquote]

สาเหตุที่ 4: โรคโลหิตจาง

โรคโลหิตจางเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของผู้หญิง การสูญเสียเลือดประจำเดือนนั้น อาจทำให้เกิดการขาดธาตุเหล็กทำให้ผู้หญิงมีความเสี่ยง เซลล์เม็ดเลือดแดงเป็นสิ่งจำเป็นเนื่องจากเม็ดเลือดแดงนั้นจะนำพาออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อและอวัยวะของคุณ

การแก้ไข:

[perfectpullquote align=”full” bordertop=”false” cite=”” link=”” color=”#ff0000″ class=”” size=”20″]สำหรับโรคโลหิตจางที่เกิดจากการขาดธาตุเหล็ก การเสริมธาตุเหล็กและการรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กเช่นเนื้อไม่ติดมัน,ตับ,หอย,ถั่วและธัญพืชที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่จะสามารถช่วยคุณได้[/perfectpullquote]

สาเหตุที่ 5: ไฮโปไทรอยด์

ไทรอยด์เป็นต่อมเล็ก ๆ ที่ฐานคอของคุณ มันควบคุมการเผาผลาญของคุณซึ่งเป็นความเร็วที่ร่างกายของคุณเปลี่ยนเชื้อเพลิงเป็นพลังงาน เมื่อต่อมไม่ทำงานและการเผาผลาญทำงานช้าเกินไปคุณอาจรู้สึกเฉื่อยชาและมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น

การแก้ไข:

[perfectpullquote align=”full” bordertop=”false” cite=”” link=”” color=”#ff0000″ class=”” size=”20″]หากการตรวจเลือดยืนยันว่าฮอร์โมนไทรอยด์ของคุณอยู่ในระดับต่ำ  ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับฮอร์โมนสังเคราะห์ ซึ่งสามารถทำให้คุณมีความรู้สึกรวดเร็วขึ้นมาได้[/perfectpullquote]

สาเหตุที่ 6: คาเฟอีนเกินพิกัด

ความเข้มข้นในปริมาณปานกลางของคาเฟอีนสามารถเพิ่มความตื่นตัว แต่มากเกินไปอาจเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิตและความกระวนกระวายใจ และในการวิจัยระบุว่า คาเฟอีนที่มากเกินไปทำให้เกิดความเหนื่อยล้าในบางคน

การแก้ไข:

[perfectpullquote align=”full” bordertop=”false” cite=”” link=”” color=”#ff0000″ class=”” size=”20″]ค่อยๆลดกาแฟ,ชา,ช็อคโกแลต,น้ำอัดลมและยาที่มีคาเฟอีน การหยุดกะทันหันอาจทำให้เกิดการถอนคาเฟอีนและอ่อนเพลียมากขึ้น[/perfectpullquote]

สาเหตุที่ 7: โรคเบาหวาน

ในผู้ป่วยเบาหวานระดับน้ำตาลที่สูงผิดปกติจะยังคงอยู่ในกระแสเลือดแทนที่จะเข้าสู่เซลล์ของร่างกายซึ่งจะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงาน ผลที่ได้คือร่างกายหมดไอน้ำทั้งๆที่ยังพอกิน หากคุณมีอาการอ่อนเพลียอย่างต่อเนื่องและไม่สามารถอธิบายได้ให้ปรึกษาแพทย์ของคุณเกี่ยวกับการเข้ารับการตรวจเบาหวาน

การแก้ไข:

[perfectpullquote align=”full” bordertop=”false” cite=”” link=”” color=”#ff0000″ class=”” size=”20″]เริ่มต้นด้วยการรักษาโรคเบาหวานอาจรวมถึงการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเช่นการรับประทานอาหารและการออกกำลังกายการบำบัดด้วยอินซูลินและยาเพื่อช่วยให้ร่างกายประมวลผลน้ำตาลได้อย่างถูกต้อง[/perfectpullquote]

สาเหตุที่ 8:การขาดน้ำ

ความเหนื่อยล้าของคุณอาจเป็นสัญญาณของการขาดน้ำ ไม่ว่าคุณจะออกกำลังกายหรือทำงานนั่งโต๊ะร่างกายของคุณต้องการน้ำ เพื่อให้ร่างกายทำงานได้ดีและเย็นอยู่เสมอ หากคุณกระหายน้ำแสดงว่าคุณขาดน้ำแล้ว

การแก้ไข:

[perfectpullquote align=”full” bordertop=”false” cite=”” link=”” color=”#ff0000″ class=”” size=”20″]อย่าปล่อยให้รา่งกายหิวกระหายน้ำ ควรดื่มน้ำตลอดทั้งวันเพื่อให้ปัสสาวะของคุณมีสีอ่อน ดื่มน้ำอย่างน้อยสองถ้วยต่อชั่วโมงหรือมากกว่านั้นก่อนออกกำลังกายตามแผน จากนั้นจิบตลอดการออกกำลังกายและหลังจากนั้นดื่มอีกสองถ้วย[/perfectpullquote]

สาเหตุที่ 9: ความผิดปกติของการนอนหลับจากการทำงานกะ

การทำงานในเวลากลางคืนหรือการหมุนเวียนกะ อาจทำให้นาฬิกาชีวิตภายในร่างกายของคุณเสียได้ คุณอาจรู้สึกเหนื่อยเมื่อต้องตื่น และคุณอาจมีปัญหาในการนอนหลับระหว่างวัน

การแก้ไข:

[perfectpullquote align=”full” bordertop=”false” cite=”” link=”” color=”#ff0000″ class=”” size=”20″]ในระหว่างการนอนควรจำกัด การเปิดรับแสงของคุณในเวลากลางวันเมื่อคุณต้องการพักผ่อน ทำให้ห้องของคุณมืดเงียบและเย็นสบาย หากยังคงมีปัญหาในการนอนหลับ ปรึกษาแพทย์. อาหารเสริมและยาอาจช่วยได้[/perfectpullquote]

 

9 ประโยชน์ของถั่วอะซูกิ

ถั่วอะซูกิหรือถั่วแดงญี่ปุ่น (Azuki beans ,Adzuki beans)

ถั่วแดงมีอยู่หลายชนิดแต่ที่นิยมปลูกในประเทศไทย ก็เห็นจะมี ถั่วแดงหลวง ,ถั่วนิ้วนาง,ถั่วอะซูกิ…แต่วันนี้ขอแนะนำเอา ถั่วอะซูกิ มาให้ผู้อ่านได้รับชมกันนะคะ …

9 ประโยชน์ของถั่วอะซูกิRead More »

10 ประโยชน์ถั่วเขียวตัวช่วยสุขภาพดี

ถั่วเขียวพืชตระกูลถั่ว ที่คุ้นเคยกับคนไทยมานาน ถั่วเขียวมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย การรับประทานถั่วเขียวจะช่วยให้คุณได้รับอาหารที่มีโปรตีนสูง,ไฟเบอร์สูง,แคลอรี่ต่ำที่เต็มไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ เป็นโปรตีนจากพืชธรรมชาติ โดยถั่วเขียวนั้นสามารถรับประทานสุกหรือนำไปทำเป็นถั่วงอกก็ยังเพิ่มคุณค่าสารอาหารได้อีกด้วย

วิตามินและแร่ธาตุในถั่วเขียว

ถั่วเขียวต้มครึ่งถ้วย (หรือ ~100 กรัม) ประกอบด้วย

10 คุณประโยชน์ของถั่วเขียว

1. ดีต่อเม็ดเลือดแดงและสตรีมีครรภ์ :

ถั่วเขียวอุดมไปด้วยโฟเลตวิตามินบี 9 หรือกรดโฟลิก ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายของคุณผลิตและรักษาเซลล์ใหม่โดยเฉพาะเซลล์เม็ดเลือดแดง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำคัญสำหรับหญิงตั้งครรภ์ที่จะต้องมีโฟเลตเพียงพอ เพราะการขาดโฟเลตในการตั้งครรภ์อาจทำให้เกิดข้อบกพร่องของท่อประสาทในทารกที่กำลังเติบโต ดังนั้นจะต้องรักษาระดับโฟเลตที่เหมาะสมก่อนและระหว่างตั้งครรภ์ นอกจากนี้ยังมีธาตุเหล็กโปรตีนและเส้นใยสูงซึ่งผู้หญิงต้องการมากขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์

2.ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ :

ในถั่วเขียวอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระเช่นฟลาโวนอยด์ จึงช่วยลดความเสียหายที่เกิดขึ้น
จากอนุมูลอิสระในหลอดเลือดและลดการอักเสบ ซึ่งจะช่วยในการไหลเวียนของเลือดอย่างอิสระ ในทำงานร่วมกับวิตามินบีเพื่อรักษาหัวใจให้เป็นปกติและในถั่วเขียวยังอุดมไปด้วยแมกนีเซียม ซึ่งเกี่ยวข้องกับอัตราการเสียชีวิตที่ลดลงจากโรคหัวใจและหลอดเลือดโดยเฉพาะสำหรับผู้หญิง จากการศึกษาในสัตว์ทดลองแสดงให้เห็นว่าสารต้านอนุมูลอิสระของถั่วเขียวอาจลดคอเลสเตอรอล LDL ที่“ ไม่ดี” ในขณะที่การศึกษาในมนุษย์ได้เชื่อมโยงการบริโภคพืชตระกูลถั่วที่สูงขึ้นเพื่อลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด

3.ต่อต้านริ้วรอย :

ถั่วเขียวอุดมไปด้วยอาหารมากมาย ซึ่งมีฤทธิ์ต่อต้านริ้วรอยที่แข็งแกร่ง การอุดมไปด้วยทองแดงทำให้ถั่วนี้มีประสิทธิภาพในการลดเลือนริ้วรอยจุดด่างดำและริ้วรอยแห่งวัย การบริโภคถั่วเขียวเป็นประจำยังส่งผลดีต่อสุขภาพผมและเล็บอีกด้วย
อีลาสตินและคอลลาเจนเป็นองค์ประกอบหลักที่ช่วยในการรักษาสีผิวและความยืดหยุ่นของผิวให้แข็งแรง ในถั่วเขียวมีเอนไซม์ที่เรียกว่าไฟโตเอสโตรเจน ซึ่งช่วยในการสร้างอีลาสตินและคอลลาเจน ทำให้ผิวมีสุขภาพดี

4.ช่วยป้องกันมะเร็ง :

ถั่วเขียวมีโพลีฟีนอลและโอลิโกแซ็กคาไรด์ในปริมาณสูงซึ่งช่วยในการกำจัดการเกิดมะเร็ง
การศึกษาทางคลินิกแสดงให้เห็นว่ามีคุณสมบัติในการต่อต้านเนื้องอกซึ่งป้องกันความเสียหายของดีเอ็นเอและการกลายพันธุ์ของเซลล์อันตราย การศึกษาซึ่งจัดทำโดยวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การอาหารและวิศวกรรมโภชนาการของมหาวิทยาลัยเกษตรกรรมแห่งประเทศจีนรายงานว่าสารต้านอนุมูลอิสระที่พบในถั่วเขียวมีคุณสมบัติในการกำจัดอนุมูลอิสระ ฟลาโวนอยด์เช่น vitexin และ isovitexin ช่วยลดความเครียดจากการออกซิเดชั่นที่นำไปสู่การก่อมะเร็ง

5.ลดความดันโลหิต :

สารอาหารที่พบในถั่วเขียวมีคุณสมบัติในการต่อต้านโรคหัวใจและหลอดเลือดและความดันโลหิตสูง จากการศึกษาซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Chemistry Central แสดงให้เห็นว่าสารสกัดจากถั่วเขียวช่วยลดระดับความดันโลหิตซิสโตลิกในหนู ในรายงานของนักวิจัยพบว่าผลต้านความดันโลหิตสูงของถั่วเขียวช่วยลดการหดตัวของหลอดเลือดที่ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น

6.ป้องกันโรคเบาหวานประเภท 2 :

หลักฐานในงานวิจัยแสดงให้เห็นว่าโภชนาการที่พบในถั่วเขียวมีฤทธิ์ต้านเบาหวาน ซึ่งช่วยในการรักษาโรคเบาหวานประเภท 2  จากการศึกษาที่จัดทำโดยสถาบันวิทยาศาสตร์พืชแสดงให้เห็นว่า เมื่อให้อาหารเสริมถั่วเขียวแก่หนูแล้วระดับน้ำตาลในเลือดกลูคากอนซีเปปไทด์ในพลาสมาระดับไตรกลีเซอไรด์และคอเลสเตอรอลรวมลดลง แต่ในขณะเดียวกันความทนทานต่อกลูโคสก็ดีขึ้น ด้วยการเพิ่มขึ้นของการตอบสนองของอินซูลิน

7.ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง

ถั่วเขียวมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อสุขภาพหลายชนิดเช่นกรดฟีนอลิกฟลาโวนอยด์,กรดคาเฟอิก,กรดซินนามิกและอื่น ๆ
สารต้านอนุมูลอิสระช่วยต่อต้านโมเลกุลที่อาจเป็นอันตรายซึ่งเรียกว่าอนุมูลอิสระ อนุมูลอิสระในปริมาณสูงสามารถทำปฏิกิริยากับส่วนประกอบของเซลล์และสร้างความหายนะได้ ความเสียหายนี้เชื่อมโยงกับการอักเสบเรื้อรังโรคหัวใจมะเร็งและโรคอื่น ๆ
จากการศึกษาในหลอดทดลองพบว่าสารต้านอนุมูลอิสระจากถั่วเขียวสามารถต่อต้านความเสียหายจากอนุมูลอิสระที่เชื่อมโยงกับการเติบโตของมะเร็งในเซลล์ปอดและกระเพาะอาหาร ที่น่าสนใจก็คือถั่วเขียวที่งอกดูเหมือนจะมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระที่น่าประทับใจกว่าและอาจมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าถั่วเขียวทั่วไปถึง 6 เท่า
ถั่วเขียวจึงเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังเช่นโรคหัวใจโรคเบาหวานและมะเร็งบางชนิด

8.อุดมไปด้วยโปรตีน

ถั่วเหล่านี้เป็นหนึ่งในแหล่งโปรตีนที่ดีที่สุดจากพืช ดังนั้นจึงเป็นที่นิยมมากกว่าสำหรับผู้ที่รับประทานมังสวิรัติ ในถั่วนี้มีกรดกลุ่มอะมิโนที่จำเป็นเช่น ฟีนิลอะลานีน,ลิวซีน,ไอโซลูซีน,วาลีน,ไลซีน,อาร์จินีนและอื่น ๆประมาณ 20 % ถึง24% จากพิสูจน์สิ่งนี้ในงานวิจัย ดังนั้นถั่วเขียวจึงอุดมไปด้วยโปรตีนการขาดวิตามินและแร่ธาตุทำให้ผมและเล็บอ่อนแอ ถั่วเขียวอุดมไปด้วยวิตามินแร่ธาตุและโปรตีนและกรดซึ่งช่วยในการป้องกันความเปราะบางของเส้นผมและเล็บ

9.ประโยชน์ในการลดน้ำหนัก :

เนื่องจากถั่วเขียวมีไขมันต่ำและมีโปรตีนและไฟเบอร์สูงการรับประทานถั่วเขียวจะช่วยทำให้คุณอิ่มได้นานขึ้น จากการศึกษาชี้ให้เห็นว่าโปรตีนจากถั่วเขียวสามารถปรับปรุงการเผาผลาญกลูโคสและไขมันและป้องกันการสะสมไขมัน ในงานวิจัยรายงานว่าถั่วที่มีเส้นใยสูงจะเพิ่มสาร cholecystokinin ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความอิ่ม เนื่องจากฮอร์โมน cholecystokinin เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เมื่อเทียบกับมื้ออาหารที่ไม่มีถั่วเหล่านี้ ดังนั้นการบริโภคถั่วเขียวเป็นประจำจะช่วยให้การบริโภคลดลงอาหารน้ำหนักจึงลดลงและเป็นตัวช่วยในการต่อสู้กับโรคอ้วนได้

10.ตัวช่วยสุขภาพทางเดินอาหาร

ถั่วเขียวมีสารอาหารมากมายที่ดีต่อสุขภาพทางเดินอาหาร หนึ่งในนั้นมีไฟเบอร์สูงโดยให้ปริมาณ 15.4 กรัมต่อถ้วยที่ปรุงสุก (202 กรัม)โดยเฉพาะอย่างยิ่งถั่วเขียวมีเส้นใยชนิดหนึ่งที่ละลายน้ำได้เรียกว่าเพคตินซึ่งสามารถช่วยให้ลำไส้ของคุณเป็นปกติโดยเร่งการเคลื่อนย้ายอาหารผ่านลำไส้ของคุณ ถั่วเขียวเช่นเดียวกับพืชตระกูลถั่วอื่น ๆ ก็มีแป้งที่ทนต่อการทำงานคล้ายกับเส้นใยที่ละลายน้ำได้เนื่องจากช่วยบำรุงแบคทีเรียในลำไส้ให้แข็งแรง จากนั้นแบคทีเรียจะย่อยและเปลี่ยนเป็นกรดไขมันสายสั้น – บิวทิเรตโดยเฉพาะ จากการศึกษาแสดงให้เห็นว่าบิวเทรตช่วยส่งเสริมสุขภาพทางเดินอาหารในหลาย ๆ ด้าน ตัวอย่างเช่นมันสามารถบำรุงเซลล์ลำไส้ของคุณเพิ่มการป้องกันภูมิคุ้มกันของลำไส้และลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ของคุณ
ยิ่งไปกว่านั้นคาร์โบไฮเดรตในถั่วเขียวยังย่อยได้ง่ายกว่าที่พบในพืชตระกูลถั่วอื่น ๆ ดังนั้นถั่วเขียวจึงมีโอกาสท้องอืดน้อยกว่าเมื่อเทียบกับพืชตระกูลถั่วชนิดอื่น ๆ

เป็นอย่างไรบ้างคะ สำหรับข้อมูลของถั่วเขียวที่จินได้เก็บข้อมูลนำมาฝากกัน ประโยชน์ของถั่วเขียวจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทานในปริมาณที่เหมาะสมและสม่ำเสมอนะคะ
หากมีคำถามหรือคำแนะนำ แวะทักทายกันได้ที่ นะคะ
ทิ้งท้ายด้วยข้อความของ “Edward Stanley”[perfectpullquote align=”full” bordertop=”false” cite=”” link=”” color=”#ff0000″ class=”” size=”1ุ4″]“ คนที่คิดว่าไม่มีเวลากินเพื่อสุขภาพ…ไม่ช้าก็เร็วต้องหาเวลาเจ็บป่วย”
– Edward Stanley-[/perfectpullquote] ด้วยรักและห่วงใยในสุขภาพ
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC6627095/
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5846210/
https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/22980894/
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/22797568
https://www.healthline.com/